ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เล่นของให้เกิดผล......

บทความแรกขอเกริ่นยาวพอสมควร 
เกี่ยวกับเรื่องการเล่นของ วัตถุมงคลเครื่องรางต่างๆ ถ้าเขียนสั้นๆก็แน่นอนว่าหลายๆคนอาจจะยังไม่กระจ่าง ถ้ายาวเกินไป แน่นอนว่าอ่านกันไม่กี่คน ดังนั้นผมจะแบ่งเป็นตอนย่อยๆ ค่อยๆลงรายละเอียดเพื่อให้ได้เข้าใจ และจะได้ใช้กันอย่างถูกวิธี เพราะเครื่องรางของขลัง ไม่ใช่ของวิเศษที่จะเปลี่ยนชีวิตเพียงแค่ได้ครอบครอง 
พื้นฐานเริ่มต้นของผม มาจากคนไม่เชื่อในไสยศาสตร์ มาจากคนไม่มีศาสนา ฟังแล้วหลายๆคนคงแปลกใจ เพราะมันช่างตรงข้ามกับสิ่งที่ผมเป็นอยู่เวลานี้โดยสิ้นเชิง ผมผ่านการคิดและวิเคราะห์ จนผมได้ข้อสรุปของหลักการทำงาน การส่งผลของเครื่องรางต่อคนใช้ พิสูจน์จากตัวผมเองบ้าง 
จากการสังเกตุหรือสอบถามแลกเปลี่ยนข้อมูลบ้าง 
จากคนที่ไม่เชื่อในไสยศาสตร์ จากคนไม่เชื่อศาสนา 
มาสู่คนอยากเล่นของ มาเป็นคนเล่นของ และเป็นคนเล่นของไม่ขึ้น มาสู่การกลายเป็นคนเล่นของขึ้น จนปัจจุบันก็กลายเป็นไสยเวทย์รับจ้างใช้วิชาแลกเงินดำรงค์ชีพ อ่านแล้วจะเชื่อก็ดี ไม่เชื่อก็ช่าง เพราะผมคงไม่ไปบังคับหรือขอให้ใครมาเชื่อผม (ชอบให้จ่ายสดมากกว่า) ใครอยากอ่านอะไรยาวๆก็อ่าน ใครไม่ชอบอ่านอะไรยาวๆก็ผ่าน อันไหนเอาไปปรับใช้ได้ก็เอาไปใช้ ผมไม่หวงเรื่องวิทยาทาน และจะยินดีอย่างมาก หากว่าใครเอาสิ่งที่ผมแนะนำไปใช้ แล้วทำให้ใช้ของได้เกิดประสบการณ์ ขอเวลาเรียบเรียงแล้วจะแบ่งเป็นตอนต่อๆ
ออกมาให้อ่านกันครับ แต่ขอเตือนเล็กน้อย บทความของผม อาจจะทำลายความฝันและความหวังของใครๆ เพราะผมขายผลงานและความจริง ไม่เคยขายฝันหรือให้ความหวังลมๆแล้งๆกับใครครับ

ขอเริ่มจากจุดเริ่มต้นก่อนเลย นั่นคือก่อนจะได้ครอบครองเครื่องรางของขลัง แน่นอนครับสมัยปัจจุบันมาจากการซื้อหา เช่าบูชาเป็นหลัก ทีนี้จุดเริ่มต้นของเงินที่จะซื้อหา แต่ละคนย่อมมีที่มาต่างกัน มีคนจำนวนไม่น้อย ที่ขอหยิบยืมเงิน บ้างก็กู้หนียืมสิน มาซื้อหาบูชาวัตถุมงคลเครื่องราง เพราะคิดเอาไปว่า ของวิเศษ ได้มาแล้วต้องถูกหวย หรือมีโชคลาภแล้วค่อยไปคืนเขาทีหลัง ซึ่งร้อยละเก้าสิบเก้ามักจะผิดหวัง และพาลทำให้มีเรื่องผิดใจกับคนที่ไปยืมเงิน แบบนี้เราจะเรียกว่าเป็นวัตถุมงคลหรือวัตถุอัปมงคลดีครับ 
อีกแบบก็คือเบียดบังรายจ่ายจำเป็น ทำให้ตัวเองเดือดร้อน ต้องอดข้าว ต้องไม่มีเงินจ่ายรายจ่ายประจำที่จำเป็น แค่เริ่มต้นก็ทำให้เดือนร้อนใจแล้ว แบบนี้เราจะเรียกว่าวัตถุมงคล หรือวัตถุอัปมงคลดีครับ......
ผมถึงได้ย้ำตลอดว่าการจะซื้อหาวัตถุที่ผมจัดสร้าง หรืออันที่จริงแล้วก็ควรจะกับของทุกที่สร้าง ว่าเงินจำนวนนี้ต้องไม่เบียดบังรายจ่ายจำเป็น หรือทำให้เดือดเนื้อร้อนใจ เพราะเริ่มต้นก็ทำให้เดือดร้อน ให้ของดีแค่ไหนคนอื่นใช้เกิดประสบการณ์ยังไง แต่เริ่มต้นของการได้มาของเราคือการทำให้เกิดความเดือดเนื้อร้อนใจ ก็ยากที่จะใช้ได้เกิดประสบการณ์ครับ เพราะเริ่มต้นก็มีพลังงานด้านลบก่อนที่เราจะได้มาแล้ว 
พลังงานด้านลบ กระแสลบนี่สำคัญมากครับ ผมยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นเริ่มต้นมาเช้าวันนี้เราเจอรายจ่ายไม่คาดฝัน เช่นรถยางแตก รถเสีย จ่ายเงินด้วยความรู้สึกว่า "ห่าเอ๊ย ทำไมมันซวยขนาดนี้วะ" วันนั้นทั้งวันคุณจะรู้สึกว่าทำอะไรก็มีแต่อุปสรรคหรือหงุดหงิดไม่มีสาเหตุ เพราะเริ่มต้นด้วยพลังลบนี่ล่ะครับ อีกอย่างคือเงินที่ออกไปจ่ายด้วยพลังลบ สิ่งที่ได้กลับมาจะทำให้เราไม่มีความสุขเท่าไหร่ เพราะทุกครั้งที่มองหรือสัมผัส เราจะคิดถึงว่าเดือดร้อนแค่ไหนตอนที่ได้สิ่งนี้มา 
กลับกันหากเป็นการเสียเงินที่เรายินดีและเต็มใจ เราจะได้สิ่งดีๆกลับมาแบบทวีคูณ เงินที่ได้มาด้วยความปรารถนาดี หรือที่รู้จักกันว่าเงินขวัญถุง เงินตั้งตัวจากพ่อแม่ ผู้ใหญ่ที่เมตตา จึงเป็นวัตถุมงคลอย่างดีโดยที่ไม่ต้องปลุกเสกใดๆ เพราะเงินนี้มาจากความเต็มใจและยินดีที่จะได้มอบให้นั่นเองครับ 
ดังนั้นแล้วเริ่มต้นของการจะซื้อหาบูชา วัตถุมงคลเครื่องรางใดๆ พิจารณาก่อนซักนิดครับว่าเดือดร้อนรายจ่าย เบียดบังตัวเองและคนอื่นหรือไม่ สมควรที่จะเป็นเงินที่เหลือจากการใช้จ่ายประจำตัวส่วนที่เก็บออมไว้เผื่อฉูกเฉินแล้ว เป็นจำนวนเงินที่สำหรับใช้เพื่อความสุข ใช้จ่ายในสิ่งที่ชอบหรือของสะสม ควรจะเป็นเงินจำนวนนี้ครับ วิธีที่ผมแนะนำคือเก็บเงินหยอดกระปุกวันละ 10-20 บาท วิธีนี้นอกจากจะไม่ทำให้เดือดร้อนแล้ว การซื้อหาบูชาวัตถุแต่ละชิ้นยังจะทำให้มีคุณค่าทางจิตใจเพิ่มขึ้น เพราะมันมาจากความตั้งใจที่จะเก็บออมเพื่อมาซื้อของชิ้นนั้นๆ ส่วนตัวที่ผมใช้วิธีนี้มา ของชิ้นนั้นจะใช้ได้ผลไวเป็นพิเศษครับ.......
ยาวพอสมควรแต่อย่างให้เข้าใจกันอย่างละเอียด จะได้หมดสิ้นข้อสงสัยกัน ตอนหน้าขอเวลาเรียบเรียงและดูผู้สนใจเช่นเคยครับ จะว่าไปจนถึงวิธีการทำงานของวัตถุมงคล เครื่องราง ของขลัง ไขข้อข้องใจ ทำไมขอแล้วไม่ได้ ใครสนใจก็ติดตามรออ่านกันครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิชาธรรมบรรลุ

วิชาธรรมบรรลุ การเรียนธรรมบรรลุ หนึ่งในวิชาโบราณอันลึกลับแห่งสายอีสาน ยากที่จะหาคำอธิบายที่สุดวิชานึง  หากจะกล่าวถึงต้นสายที่แท้จริงผู้เขียนเองก็จนปัญญาเนื่องจากไม่มีการบันทึกว่าเริ่มต้นแต่เมื่อใดสมัยใด แต่ปัจจุบันมีการแตกสายไปหลายทาง เช่นวิชาธรรมเก้าโกฎิ วิชาธรรมห้องพระไตร  วิชาธรรมฤาษี วิชาธรรมบรรดาล ในที่นี้จะกล่างถึงแค่สายของตัวผู้เขียน ซึ่งต้นสายใหญ่ แตกแขนงออกมาจาก  คุณพ่อใหญ่ธรรมฝั้น บ้านนาดอกไม้ และสายวิชาธรรมเก้าโกฐิ สายตักศิลานคร รายละเอียดแต่ละสายจะต่างกันในบางเรื่องเช่น เรื่องห้องเรื่องขันแต่สุดท้ายทุกๆสาย จะมีจุดมุ่งหมายไปทางเดียวกันการเข้ารับพลังของดวงแก้วดวงธรรมฝึกจิตขัดเกลาใจเช่นเดียวกัน วิชาธรรมบรรลุมีความแปลกพิศดารตรงที่แต่ล่ะคนจะได้คาถาบทเดียวกันแต่เมื่อผ่านการยัดธรรมขึ้นขันธรรมแล้ว  จะสวดภาษาต่างๆโดยที่ตัวผู้สวดเองก็ไม่รู้ตัว บางคนก็เป็นภาษากูโบส บางคนก็ภาษา เขมร พม่า จีน อินเดีย ตามแต่ที่ดวงพระธรรมท่านจะโปรด  ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่การฝึกของผู้ร่ำเรียนเอง บางคนก็ได้หลายภาษาก็อยู่ที่ผลการปฎิบัติมาแต่ตั้งเดิมมาแต่สัญญาก่อน  การเรียนธรรมบรรลุการสวดธรรมก็เหมือน

ต้องธรณีสาร โทษร้ายแรงที่คนโบราณสะพึงกลัว แต่คนปัจจุบันแทบจะไม่สนใจ

เมื่อว่าถึงคำว่า ต้องธรณีสารแน่นอนว่าผู้สนใจทางไสยศาสตร์และคนเล่นเครื่องรางของขลัง ล้วนจะเคบได้ยินกันผ่านหูมาบ้าง คำนี้แม้จะเคยได้ยินกันแต่น้อยคนที่จะรู้ จะเข้าใจว่าต้องธรณีสารเป็นอย่างไร บางครั้งก็จนตัวเองต้องธรณีสารไปแล้ว แต่ยังไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ก็ย่ำแย่หาเวลาแก้ไขก็สายเกินไปเสียแล้ว ......อธิบายง่ายๆ การต้องธรณีสารก็คือการที่ซวยแบบไม่รู้จบ ไม่รู้สิ้น ซวยซ้ำซวยซ้อน ชีวิตไม่มีเรื่องดีๆเกิดขึ้น ของหายอยู่เป็นประจำอันเป็นเหตุให้เสียเงินซื้อบ่อยๆ หนักกว่านั้นก็คือป่วยแบบไม่ทราบสาเหตุ มีเงินเท่าไหร่ก็หมดไปกับการรักษา ชีวิตแทบจะไม่เป็นอันได้อยู่เป็นสุข เอากันแบบชัดเจนก็คือโดนคว่ำบาตรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวดาทั้งหลาย ที่นอกจากจะไม่ช่วยเหลือแล้วยังซ้ำเติมให้หนักขึ้นกว่าเดิม   การต้องธรณีสาร เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่นคนที่ไปทำพิธี ถือวิชา ใช้เครื่องรางของขลัง แล้วทำผิดข้อห้ามต่างๆ ที่ครูบาอาจารย์ผู้ได้ลงวิชา ทำพิธีให้ท่านได้บอกไว้ เช่นถ่มน้ำลายลงโถส้วม ผิดลูกเมียคนอื่น ด่าพ่อแม่ทำร้ายบุพการี ลักทรัพย์หรือเสพยา ถ้าเป็นการผิดในเรื่องเบาๆ ส่วนมากก็แค่พิธีกรรมต่างๆที่ได้กระทำไปเสื่อมไม่เกิ

พระสุรัสวดี เทวีแห่งพระเวทย์และความรู้

พระแม่สุรัสวดี เป็นที่ที่นับถือกันอย่างสูงในนิกายศักติ นิกายนี้ถือเอาเทวีเป็นหลักมานับถือบูชา มีความเชื่อว่าพลังอำนาจแบ่งออกเป็นสองฝ่ายคืออำนาจแห่งบุรษเทพ และอำนาจแห่งสตรีเทพ เทวีสูงสุดทั้ง 3 ของนิกายศักติ จึงเป็นชายาของมหาเทพทั้ง 3 พระศิวะ พระนารายณ์และพรพรหม แต่โดยหลักจะนับพระแม่อุมา ชายาของพระศิวะเป็นหลักตามแนวทางของไศวนิกาย ในบทความนี้จะขอกล่าวถึงแต่เพียง พระสุรีสวดีเพียงพระองค์เดียว พระองค์จะถูกวาดสื่ออกมาในรูปแบบ สตรีผู้มีความสุขุม เยือกเย็น มองแล้วชวนให้สงบ มากกว่ามองแล้วจะรู้สึกถึงความมีอำนาจ และความงดงามแบบพระลักษมี ตามตำนานเล่าว่า พระแม่ทรงเป็นต้นกำเนิดแห่งคัมภีร์พระเวทย์ ซึ่งมีการก่อนศาสนาพราหมณ์ที่ยึดเอาคัมภีร์พระเวทย์เป็นหลัก อีกทั้งยังเป็นต้นกำเนิดแห่งอักษร และประดิษฐ์วีณาขึ้นมา จึงได้ถือเอาพระแม่เป็นทั้งเทวีแห่งสรรพความรู้ เวทย์มนต์คาถา ศิลปการแสดงและดนตรี ดังที่ในบ้านเราจะมีการมอบรางวัล พระสุรัสวดีแก่นักแสดงดีเด่นในแต่ละปี ในรูปที่สื่อออกแทนองค์พระแม่ มักจะอยู่ในรูปแบบเทวี 4 กร ในมือจะถือวีณา สร้อยลูกประคำ มีความหมายถึงการภาวนาและการชำระจิต คัมภีร์หรือหนังสือ