ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ใช้สีผึ้ง ใช้น้ำมันและแปลกๆ ไม่คุ้น....

ในปัจจุบันแน่นอนว่าทุกคนต้องใช้เครื่องสำอางค์ เครื่องบำรุงผิว ครีม โลชั่น โรลลอน เจลแต่งผม ฯ เรียกได้ว่าเป็นของจำเป็นที่ขาดไม่ได้ ต่อให้ผู้ชายที่ไม่ชอบใช้เครื่องสำอางค์ทั้งหลาย ก็ต้องมีโรลออนหรือน้ำหอมระงับกลิ่นกายอย่างน้อยซักอย่างนึง
การใช้ของเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปรกติแต่ทำไมพอพูดถึงการใช้สีผึ้ง น้ำมันหอม บางคนกลับลำบากใจที่จะใช้ หรือรู้สึกแปลกๆที่จะใช้ เชื่อว่ามีคนรุ่นเดียวกับผมจำนวนไม่น้อย เวลาใช้แล้วรู้สึกแปลกๆ เพราะไม่ได้โตมากับพวกนี้ 


แต่ในสมัยก่อนสีผึ้งและน้ำมันถือเป็นเครื่องใช้ประจำวันที่แทบขาดไม่ได้ คนโบราณไม่มีน้ำหอม ครีมแต่งผม บำรุงผม ก็ใช้สีผึ้งและน้ำมันหอมนี่ล่ะครับ ช่วยในการจัดแต่งผมได้อีกด้วย 
ใช้ทาแผลสมานแผลก็สีผึ้ง ทาปากช่วยให้ปากไม่แห้งริมฝีปากไม่แตกยามหน้าหนาวก็สีผึ้ง ครีมทาผิว โลชั่นสมัยก่อนไม่มี คนโบราณก็ใช้สีผึ้งผสมน้ำมันมะพร้าว กวนผสมกันแล้วใช้ทาบำรุงผิวกัน เรียกได้ว่าสีผึ้งและน้ำมันเป็นของใช้ประจำบ้านอยางนึงของทุกๆบ้านมาแต่โบราณ 
คนเล่นคาถาเล่นอาคม เขาจึงได้นำสีผึ้งมาเสก มาผสมมวลสารว่านต่างๆ เพื่อให้ได้ทั้งสรรพคุณและอิทธิคุณ มาเสริมในชีวิตประจำวัน 



ดังนั้นน้ำมันเสน่ห์สีผึ้งทั้งหลาย จะให้เห็นผลไม่ได้มีความจำเป็นต้องไปป้ายเป้าหมายอย่างเดียวเสมอไปครับ เพียงแค่ใช้กับตัวเองก็เห็นผลชัดเจนแล้วเพียงแต่ขอให้ใช้อย่างเป็นประจำ ประเภทที่แค่แต้มเจิมตัวเองแล้วหวังจะเห็นผลเลย พวกคิดแบบนี้พวกเล่นของไม่เป็นคิดกันครับ อย่างๆน้อยๆใช้ติดต่อกันซัก 1-2 อาทิตย์ ให้พระมนต์ต่างๆซึมและสะสมในร่างกายอย่างเต็มที่ 
ดังนั้นใครไม่คุ้นหรือแปลกๆเวลาใช้ เริ่มใช้ให้คุ้นแต่วันนี้ ใครไม่คุ้นก็เอาไปผสมกับเครื่องใช้ประจำวันแล้วค่อยๆปรับเปลี่ยน ประยุกต์เอา คิดจะเล่นของก็ต้องเล่นให้ถึงๆครับ เล่นครึ่งๆกลางๆอย่าเล่น เพราะจะไม่เห็นผลอะไรแล้วสุดท้ายก็เบื่อหน่าย ไม่อยากเสียเงินฟรีๆ สีผึ้งและน้ำมัน ใช้กันไปเถอะครับไม่ต้องกลัวหมด เพราะทำออกมาเรื่อยๆประจำอยู่แล้ว และต่อให้ผมเว้นช่วงไม่ทำ พันธมิตรมิตรสหายอย่าง อ.ญาณกร แห่งสำนักถาวรเวทซึ่งหายห่วงได้เลยเรื่องน้ำมันกับสีผึ้ง (ผมยังต้องไปศึกษาและขอมวลสารในการทำสีผึ้งจากแกเลยครับ) ใช้กันให้คุ้นชิน ลองเทียบกับราคาบรรดาโลชั่นและของใช้ต่างๆที่ใช้กัน แล้วจะเห็นว่าราคาไม่ได้ต่างกันเลย ไหนๆก็ไหนๆ ยุคนี้เงินทองหายาก เสียเงินทั้งทีก็ต้องได้ครบทุกทางครับ

"ใครมองข้ามน้ำมันและสีผึ้ง มันผู้นั้นยังเข้าไม่ถึงเรื่องการใช้ของเสน่ห์"....ฝากไว้ให้คิดกันดูครับ

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิชาธรรมบรรลุ

วิชาธรรมบรรลุ การเรียนธรรมบรรลุ หนึ่งในวิชาโบราณอันลึกลับแห่งสายอีสาน ยากที่จะหาคำอธิบายที่สุดวิชานึง  หากจะกล่าวถึงต้นสายที่แท้จริงผู้เขียนเองก็จนปัญญาเนื่องจากไม่มีการบันทึกว่าเริ่มต้นแต่เมื่อใดสมัยใด แต่ปัจจุบันมีการแตกสายไปหลายทาง เช่นวิชาธรรมเก้าโกฎิ วิชาธรรมห้องพระไตร  วิชาธรรมฤาษี วิชาธรรมบรรดาล ในที่นี้จะกล่างถึงแค่สายของตัวผู้เขียน ซึ่งต้นสายใหญ่ แตกแขนงออกมาจาก  คุณพ่อใหญ่ธรรมฝั้น บ้านนาดอกไม้ และสายวิชาธรรมเก้าโกฐิ สายตักศิลานคร รายละเอียดแต่ละสายจะต่างกันในบางเรื่องเช่น เรื่องห้องเรื่องขันแต่สุดท้ายทุกๆสาย จะมีจุดมุ่งหมายไปทางเดียวกันการเข้ารับพลังของดวงแก้วดวงธรรมฝึกจิตขัดเกลาใจเช่นเดียวกัน วิชาธรรมบรรลุมีความแปลกพิศดารตรงที่แต่ล่ะคนจะได้คาถาบทเดียวกันแต่เมื่อผ่านการยัดธรรมขึ้นขันธรรมแล้ว  จะสวดภาษาต่างๆโดยที่ตัวผู้สวดเองก็ไม่รู้ตัว บางคนก็เป็นภาษากูโบส บางคนก็ภาษา เขมร พม่า จีน อินเดีย ตามแต่ที่ดวงพระธรรมท่านจะโปรด  ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่การฝึกของผู้ร่ำเรียนเอง บางคนก็ได้หลายภาษาก็อยู่ที่ผลการปฎิบัติมาแต่ตั้งเดิมมาแต่สัญญาก่อน  การเรียนธรรมบรรลุการสวดธรรมก็เหมือน

ต้องธรณีสาร โทษร้ายแรงที่คนโบราณสะพึงกลัว แต่คนปัจจุบันแทบจะไม่สนใจ

เมื่อว่าถึงคำว่า ต้องธรณีสารแน่นอนว่าผู้สนใจทางไสยศาสตร์และคนเล่นเครื่องรางของขลัง ล้วนจะเคบได้ยินกันผ่านหูมาบ้าง คำนี้แม้จะเคยได้ยินกันแต่น้อยคนที่จะรู้ จะเข้าใจว่าต้องธรณีสารเป็นอย่างไร บางครั้งก็จนตัวเองต้องธรณีสารไปแล้ว แต่ยังไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ก็ย่ำแย่หาเวลาแก้ไขก็สายเกินไปเสียแล้ว ......อธิบายง่ายๆ การต้องธรณีสารก็คือการที่ซวยแบบไม่รู้จบ ไม่รู้สิ้น ซวยซ้ำซวยซ้อน ชีวิตไม่มีเรื่องดีๆเกิดขึ้น ของหายอยู่เป็นประจำอันเป็นเหตุให้เสียเงินซื้อบ่อยๆ หนักกว่านั้นก็คือป่วยแบบไม่ทราบสาเหตุ มีเงินเท่าไหร่ก็หมดไปกับการรักษา ชีวิตแทบจะไม่เป็นอันได้อยู่เป็นสุข เอากันแบบชัดเจนก็คือโดนคว่ำบาตรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวดาทั้งหลาย ที่นอกจากจะไม่ช่วยเหลือแล้วยังซ้ำเติมให้หนักขึ้นกว่าเดิม   การต้องธรณีสาร เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่นคนที่ไปทำพิธี ถือวิชา ใช้เครื่องรางของขลัง แล้วทำผิดข้อห้ามต่างๆ ที่ครูบาอาจารย์ผู้ได้ลงวิชา ทำพิธีให้ท่านได้บอกไว้ เช่นถ่มน้ำลายลงโถส้วม ผิดลูกเมียคนอื่น ด่าพ่อแม่ทำร้ายบุพการี ลักทรัพย์หรือเสพยา ถ้าเป็นการผิดในเรื่องเบาๆ ส่วนมากก็แค่พิธีกรรมต่างๆที่ได้กระทำไปเสื่อมไม่เกิ

พระสุรัสวดี เทวีแห่งพระเวทย์และความรู้

พระแม่สุรัสวดี เป็นที่ที่นับถือกันอย่างสูงในนิกายศักติ นิกายนี้ถือเอาเทวีเป็นหลักมานับถือบูชา มีความเชื่อว่าพลังอำนาจแบ่งออกเป็นสองฝ่ายคืออำนาจแห่งบุรษเทพ และอำนาจแห่งสตรีเทพ เทวีสูงสุดทั้ง 3 ของนิกายศักติ จึงเป็นชายาของมหาเทพทั้ง 3 พระศิวะ พระนารายณ์และพรพรหม แต่โดยหลักจะนับพระแม่อุมา ชายาของพระศิวะเป็นหลักตามแนวทางของไศวนิกาย ในบทความนี้จะขอกล่าวถึงแต่เพียง พระสุรีสวดีเพียงพระองค์เดียว พระองค์จะถูกวาดสื่ออกมาในรูปแบบ สตรีผู้มีความสุขุม เยือกเย็น มองแล้วชวนให้สงบ มากกว่ามองแล้วจะรู้สึกถึงความมีอำนาจ และความงดงามแบบพระลักษมี ตามตำนานเล่าว่า พระแม่ทรงเป็นต้นกำเนิดแห่งคัมภีร์พระเวทย์ ซึ่งมีการก่อนศาสนาพราหมณ์ที่ยึดเอาคัมภีร์พระเวทย์เป็นหลัก อีกทั้งยังเป็นต้นกำเนิดแห่งอักษร และประดิษฐ์วีณาขึ้นมา จึงได้ถือเอาพระแม่เป็นทั้งเทวีแห่งสรรพความรู้ เวทย์มนต์คาถา ศิลปการแสดงและดนตรี ดังที่ในบ้านเราจะมีการมอบรางวัล พระสุรัสวดีแก่นักแสดงดีเด่นในแต่ละปี ในรูปที่สื่อออกแทนองค์พระแม่ มักจะอยู่ในรูปแบบเทวี 4 กร ในมือจะถือวีณา สร้อยลูกประคำ มีความหมายถึงการภาวนาและการชำระจิต คัมภีร์หรือหนังสือ