ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มกราคม, 2018

ใช้สีผึ้ง ใช้น้ำมันและแปลกๆ ไม่คุ้น....

ในปัจจุบันแน่นอนว่าทุกคนต้องใช้เครื่องสำอางค์ เครื่องบำรุงผิว ครีม โลชั่น โรลลอน เจลแต่งผม ฯ เรียกได้ว่าเป็นของจำเป็นที่ขาดไม่ได้ ต่อให้ผู้ชายที่ไม่ชอบใช้เครื่องสำอางค์ทั้งหลาย ก็ต้องมีโรลออนหรือน้ำหอมระงับกลิ่นกายอย่างน้อยซักอย่างนึง การใช้ของเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปรกติแต่ทำไมพอพูดถึงการใช้สีผึ้ง น้ำมันหอม บางคนกลับลำบากใจที่จะใช้ หรือรู้สึกแปลกๆที่จะใช้ เชื่อว่ามีคนรุ่นเดียวกับผมจำนวนไม่น้อย เวลาใช้แล้วรู้สึกแปลกๆ เพราะไม่ได้โตมากับพวกนี้  แต่ในสมัยก่อนสีผึ้งและน้ำมันถือเป็นเครื่องใช้ประจำวันที่แทบขาดไม่ได้ คนโบราณไม่มีน้ำหอม ครีมแต่งผม บำรุงผม ก็ใช้สีผึ้งและน้ำมันหอมนี่ล่ะครับ ช่วยในการจัดแต่งผมได้อีกด้วย  ใช้ทาแผลสมานแผลก็สีผึ้ง ทาปากช่วยให้ปากไม่แห้งริมฝีปากไม่แตกยามหน้าหนาวก็สีผึ้ง ครีมทาผิว โลชั่นสมัยก่อนไม่มี คนโบราณก็ใช้สีผึ้งผสมน้ำมันมะพร้าว กวนผสมกันแล้วใช้ทาบำรุงผิวกัน เรียกได้ว่าสีผึ้งและน้ำมันเป็นของใช้ประจำบ้านอยางนึงของทุกๆบ้านมาแต่โบราณ  คนเล่นคาถาเล่นอาคม เขาจึงได้นำสีผึ้งมาเสก มาผสมมวลสารว่านต่างๆ เพื่อให้ได้ทั้งสรรพคุณและอิทธิคุณ มาเสริมในชีวิตประจำว

ผลงานคือสิ่งบอกตัวตนของคนสร้าง.....

พื้นฐานโดยสันดานผมคือ เถื่อน ดิบและห่าม ดังนั้นอย่ามองหาความสวยงามและมาตรฐานอันใด จากงานสร้างของผม การที่คุณพยายามมองหาความสวยงาม รวมไปถึงความลึกล้ำของระดับพลังงาน บอกกันตรงนี้ว่าคุณจะพบแต่ความผิดหวัง เพราะผมไม่ได้มีพลังสมาธิจิตลึกล้ำอะไร สันดานพื้นฐานผมเป็นยังไง ผมก็ใส่ไปในงานผมแบบนั้น เคยพยายามจะฝืนแล้วแต่สุดท้ายก็ค้นพบว่า ผลงานผมออกมาแย่กว่าความพยายาม เพราะความตั้งใจที่ดี บางครั้งก็ออกมาเป็นผลงานที่เลว หากว่ามันฝืนธรรมชาติและความเป็นตัวตนของผม ดูแล้วชอบเห็นแล้วอยากใช้ก็ค่อยมาเสียเงินให้ ยังไม่แน่ใจยังไม่มั่นใจในตัวคนสร้าง ก็ติดตามดูขั้นตอนกันไป เพราะผมลงรายละเอียดข้อมูลต่างๆ ให้ได้ดู ได้เห็นกันทุกขั้นตอนเพื่อความมั่นใจ เพราะยุคนี้คือยุคของข้อมูลข่าวสาร ยุคของผู้บริโภคมีสิทธิ์เลือก เงินของคุณ สิทธิ์ของคุณ อย่าให้ใครมา บอกหรือกำหนดว่าคุณควรจะใช้ยังไงหรือซื้ออะไร ถ้ามองหาเพียงแค่อภินิหารหรือปาฎิหาริย์ต่างๆ บอกได้เลยว่าสำนักนี้คงไม่มี และถึงมีมันก็เป็นเรื่องที่รับรู้ได้ด้วยบุคคล ไม่ใช่ว่าจะเกิดกับทุกคน ผมขายผลงานและความจริง ไม่ขายฝันให้ใครมาหวังลมๆแล้งๆ เสียเงินไปก็ต้องมีประส

เล่นของให้เกิดผล......

บทความแรกขอเกริ่นยาวพอสมควร  เกี่ยวกับเรื่องการเล่นของ วัตถุมงคลเครื่องรางต่างๆ ถ้าเขียนสั้นๆก็แน่นอนว่าหลายๆคนอาจจะยังไม่กระจ่าง ถ้ายาวเกินไป แน่นอนว่าอ่านกันไม่กี่คน ดังนั้นผมจะแบ่งเป็นตอนย่อยๆ ค่อยๆลงรายละเอียดเพื่อให้ได้เข้าใจ และจะได้ใช้กันอย่างถูกวิธี เพราะเครื่องรางของขลัง ไม่ใช่ของวิเศษที่จะเปลี่ยนชีวิตเพียงแค่ได้ครอบครอง  พื้นฐานเริ่มต้นของผม มาจากคนไม่เชื่อในไสยศาสตร์ มาจากคนไม่มีศาสนา ฟังแล้วหลายๆคนคงแปลกใจ เพราะมันช่างตรงข้ามกับสิ่งที่ผมเป็นอยู่เวลานี้โดยสิ้นเชิง ผมผ่านการคิดและวิเคราะห์ จนผมได้ข้อสรุปของหลักการทำงาน การส่งผลของเครื่องรางต่อคนใช้ พิสูจน์จากตัวผมเองบ้าง  จากการสังเกตุหรือสอบถามแลกเปลี่ยนข้อมูลบ้าง  จากคนที่ไม่เชื่อในไสยศาสตร์ จากคนไม่เชื่อศาสนา  มาสู่คนอยากเล่นของ มาเป็นคนเล่นของ และเป็นคนเล่นของไม่ขึ้น มาสู่การกลายเป็นคนเล่นของขึ้น จนปัจจุบันก็กลายเป็นไสยเวทย์รับจ้างใช้วิชาแลกเงินดำรงค์ชีพ อ่านแล้วจะเชื่อก็ดี ไม่เชื่อก็ช่าง เพราะผมคงไม่ไปบังคับหรือขอให้ใครมาเชื่อผม (ชอบให้จ่ายสดมากกว่า) ใครอยากอ่านอะไรยาวๆก็อ่าน ใครไม่ชอบอ่านอะไรยาวๆก็ผ่าน อันไหนเอา

วัตถุเครื่องราง สิ่งที่กำลังแปรสภาพกลายเป็นสินค้า.....

" ในยุคที่สมัยเครื่องรางไม่ต่างจากสินค้า เราต้องหาทางที่จะทำให้ผลงานของเราไม่ใช่แค่สินค้า ของทุกอย่างมีแฟนคลับเป็นของตัวเอง และเราต้องการความเหนียวแน่นและความลึกของผู้ติดตาม มากกว่าการจะพยายามทำให้สินค้ากระจายไปในวงกว้าง " แนวทางการสร้างของ "น้อย" แต่ "มาก" ตามแบบฉบับฮิปสเตอร์ ผมต้องการให้ของแต่ละชิ้น มีคุณค่าทางจิตใจสำหรับผู้ครอบครองมากที่สุด เท่าที่ผมจะทำได้ สำหรับชุดนี้ใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว บอกตรงๆว่าผมตื่นเต้นไม่น้อยกว่าคนที่รอแต่อย่างใด ทุกสิ่งทุกอย่างผมได้กระทำอย่างเต็มที่และสุดความสามารถ สุดเงินทุนที่ผมมี ทั้งคุณและผมเราคงไม่ผิดหวังกับผลงานชุดนี้แน่ๆ ขอให้คำมั่นด้วยเกียรติภูมิและจิตวิญญาณของผู้สร้าง ว่าเราจะหื่นไปด้วยกันจนกว่าจะถึงวันที่เราเสื่อมสมรรถภาพและหมดความต้องการทางเพศ.....ซึ่งมันคงอีกนานแสนนานเลยทีเดียว                                                          

สิ่งยึดเหนี่ยว......

"เพราะเราไร้ความหวัง เราจึงต้องการสิ่งยึดเหนี่ยว แต่เราลืมไปอย่างว่า การจะยึดเหนี่ยวกับสิ่งใดเราก็ต้องล้วนแต่ใช้กำลังกายและกำลังใจของเราด้วย" พลังเหนือโลกท่านประทานและมอบพลังใจและโอกาส ไม่ได้นำสิ่งที่เราต้องการมาประเคนให้ถึงที่ ทำความเข้าใจและศึกษาถึงวิธีการทำงานของท่าน แล้วเราจะได้พลังและโอกาสจากท่านอย่างไร้ขีดจำกัด......... #ใครๆก็อยากจะสื่ออยากจะให้ท่านรับฟังคำขอ #แต่จะมีซักกี่คนที่พยายามฟังว่าท่านกำลังสอนอะไรเราอยู่

สิ่งศักดิ์สิทธิ์......

"สิ่งศักดิ์สิทธิ์ถือสัจจะ พระถือศีล" จะขอให้ท่านช่วยสิ่งใด สิ่งแรกที่คุณต้องมีคือสัจจะ เรื่องสัจจะผมเคยเขียนไปละเอียดแล้ว หาอ่านและพิจารณาเพิ่มเติมเอา มีสัจจะต่อตัวเองคำขอใดๆก็สำเร็จได้ไม่ยาก เปรียบเมื่อคุณจมน้ำ คุณลอยคอขอความช่วยเหลือ มีคนส่งเชือกให้คุณแล้ว ที่เหลืแคุณก็แค่คว้าแล้วออกแรงดึงตัวเองขึ้นหาฝั่ง อธิบายแบบนี้น่าจะพอเข้าใจกันได้ง่ายขึ้น.....

ไม่ขอไม่ให้ ไม่ใช้ไม่ทำ.....

เรื่องเล็กๆน้อยๆ ที่คนใช้เครื่องรางของขลังหลายๆคนมักจะมองข้ามไป แต่หารู้ไม่คือสิ่งสำคัญที่ทำให้คุณใช้ของได้ไม่เกิดผล นั่นก็คือ "การอธิษฐานและการอารธนา" มีหลายคนจำนวนไม่น้อย (แม้แต่ตัวผมเองช่วงแรกๆ) ก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องสำคัญอะไร คิดไปเอาว่าของดีแขวนแล้วก็ต้องเกิดสิ่งดีๆสิ หรือบางครั้งก็มีคิดไปทำนองท้าทายว่า ถ้าศักดิ์สิทธิ์จริง ถ้าแรงจริง ดีจริง ก็ต้องรู้ว่าเราต้องการอะไร หรืออีกอย่างก็มี แล้วแต่ว่าเบื้องบน ครูบาอาจารย์ท่านจะให้อะไร ไม่อยากขอ ขอแล้วรู้สึกเหมือนเป็นคนกิเลสหนา ละโมบโลภมาก............มีใครคิดแบบนี้ รบกวนแสดงตัวให้รู้ทีครับ ไม่ใช่เรื่องน่าอับอายแต่อย่างใด เพราะครั้งนึงคนที่ใช้ของได้เกิดประสบการณ์กันอย่างชัดเจนในเวลานี้ ก็เคยผ่านการคิดแบบนี้กันมาแล้วแทบจะทุกคน จำไว้ให้ขึ้นใจเสมอ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ แรงครู แรงคาถาอาคมทั้งหลาย ท่านมายุ่งเกี่ยวกับชะตาชีวิตมนุษย์ไม่ได้ ถ้าเราไม่ได้ร้องขอ แม้ท่านจะอยากช่วยเพียงใดแต่หากเราไม่อนุญาต ไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากท่าน ท่านจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย มีกล่าวคำนึงที่ผมชอบมาก เกี่ยวกับพลังเหนือโลกนั่นก็คือ "ไม่ขอไม่ใ

สำรวจตัวเองก่อนจะใช้วัตถุมงคล เครื่องรางทั้งหลาย

วัตถุเครื่องรางทั้งหลาย พกแล้วผู้ใช้ต้องมั่นใจในตัวเอง คนจิตตกไม่ควรจะใช้ สงสัยคิดเยอะ ไม่มั่นใจก็ไม่ควรจะใช้เช่นกันเพราะนอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว บางครั้งยังอาจจะให้ผลแบบกลับตาลปัตรไปเลย เพราะอย่าลืมว่าเครื่องรางก็ส่งผลตามพลังงานจากตัวเรา เปรียบเหมือนเครื่องส่งสัญญาณไม่ดี สัญญาณก็ขาดๆหายๆ เปิดเพลงเพราะแค่ไหนคนฟังก็รำคาญ ตัวอย่างของผลกลับด้าน ที่ใช้ของแล้วแทบที่จะดีกลับแย่กว่าเดิม ๑.พกของทางเมตตา แทบที่คนจะเมตตา กลายเป็นหมั่นไส้ เห็นเราแล้วรู้สึกว่าเราสำออย เรียกคะแนนสงสาร ๒.พกของเสน่ห์ เขาจะเห็นว่าเราบ้ากาม หื่นกาม ลามก ๓.พกของมหาอำนาจ คนที่เขาพลังงานแกร่งกว่า จะรู้สึกว่าเรากำลังท้าทายเขาอยู่ หนักๆหน่อยนี่ถึงขนาดเห็นเป็นศัตรูที่ต้องบดขยี้ ดังนั้นแล้ว พกต้องมั่นใจ กล้าๆกลัวๆ จะไม่เกิดผลอะไรเด็ดขาด ใครที่ใช้ของแล้วไม่มีประสบการณ์ เกิดผลอย่างว่าปรับปรุงสภาพจิตใจตัวเองโดยด่วนครับ

สังเกตุยังไงว่าของใช้ได้ผลหรือไม่ได้ผล?....

  ของเสน่ห์ใช้ได้ผลหรือไม่ได้ผล อันดับแรกสุดสังเกตุตัวเอง ถ้าใช้แล้วอยาก ใช้แล้วเงี่ยน นั่นคือเกิดผลแล้ว ที่เหลือก็แค่ส่งมนต์ให้เป็น ส่งไม่เป็นก็เข้าคุย เข้าหา ยื่นของ ชนแก้ว สารพัดวิธี วืชามารผมเยอะ แต่ไม่ขอเอามาบอกอยากให้หาทางและศึกษาเองมากกว่า เพราะมันคือความสนุกอย่างนึงของการใช้ของ พกแล้วอยู่เฉยๆ ยากที่จะเห็นผล ใช้ของดีของแรงแค่ไหน ไม่ออกล่า ไม่ออกลุย ผมสุดท้ายก็นอนชักว่าวอยู่บ้าน แล้วก็มาบอกว่าใช้ของไม่ได้ผล โทษทุกอย่างแต่ไม่ดูตัวเองตามนิสัยคนสมัยนี้......

วัตถุมงคล ไม่ใช่ของวิเศษ.....

วัตถุมงคล ไม่ใช่ของวิเศษ.....       ถ้าให้ผมเปรียบให้เข้าใจกันง่ายๆ วัตถุและเครื่องรางทั้งหลาย ที่ใช้กันอยู่นี้ เปรียบแล้วก็เหมือนกับ"ร่ม" ร่มไม่สามารถทำให้ฝนหยุดได้ แต่ช่วยทำให้คุณเดินต่อไปได้ท่ามกลางฝนตก ทำให้เดินทางไปได้โดยที่ไม่ต้องเปียกไปทั้งตัว แน่นอนว่าถ้าไม่มีร่ม ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องรอจนฝนหยุดถึงจะเดินทางได้ต่อ หากว่าคุณยอมลุยและยอมเปียกใน อธิบายยกตัวอย่างแบบนี้ พอจะนึกภาพออกแล้วใช่มั้ยครับ วัตถุมงคลเครื่องรางทั้งหลายก็เช่นกันครับ ไม่ได้ช่วยให้คุณ ได้ในสิ่งที่ต้องการ หากเปรียบอุปสรรคและปัญหาต่างๆ คือฝน ร่มก็ช่วยให้คุณรับผลกระทบเบาบางลง ได้มองเห็นโอกาสและหนทางที่จะเดินได้ง่ายขึ้น แต่หากคุณไม่เดินเอง เอาแต่กางร่มอยู่เฉยๆ คุณก็ไม่มีทางเดินต่อไปได้ (หนักไปกว่านั้นคือ บางคนกางร่มไม่เป็น แล้วก็โทษว่าร่มไม่ดีกันฝนไม่ได้ไปซะงั้น.... ) แน่นอนครับ เวลาที่ชีวิตเจอปัญหาก็เปรียบเหมือนฝนตก หลายๆคนอาจจะนึกถึงเพลง"ฤดูที่แตกต่าง" แน่นอนว่าผมเองก็เช่นกัน ท่อนนึงร้องว่า"อดทนเวลาที่ฝนพรำ " ก็เปรียบให้อดทนเผชิญกับปัญหาต่างๆ วีนนึงฝนก็คงซา ฟ้าก็คงเป