ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เล่าเรื่องสายพราย...

เริ่มจะพอเคลียร์งานต่างๆได้แล้ว ดังนั้นตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ตามสัญญานะครับ ที่เคยบอกไว้ ว่าจะเล่าเรื่องสายพรายแบบละเอียดเจาะลึก ทุกตัวอักษรจะกลั่นจากประสบการณ์จริง เล่นเองเจ็บเองรู้เอง ถ้าเป็นคนที่รู้จักผมมาตั้งแต่สมัยผมยังเป็นแค่คนเล่นเครื่องรางของขลัง เหมือนกับหลายๆท่านในเวลานี้ จะรู้ดีครับ ว่าผมเองก็อดีตเจ้ากรมสายพรายคนนึง พรายแรงๆเฮี้ยนๆผ่านมือผมมาไม่น้อย จนมาถึงช่วงเข้าสู่การเรียนวิชาอาถาอาคม ได้รู้ได้เห็นกรรมวิธีกว่าจะมาเป็นพราย เลยสังเวชใจจนสุดท้ายก็ค่อยๆวางมือด้านพรายและเลิกใช้พรายจนในที่สุด โดยผมจะเขียนเป็นตอนย่อยๆหลายๆตอน ทะยอยไปเรื่อยๆ ให้อ่านกันแบบเพลินๆยาวๆ เพราะรายละเอียดเยอะ แต่รับรองว่าจะหลายๆคำถาม ที่หลายคนสงสัยและสิ่งที่หลายๆคนยังไม่รู้ จะอยู่ในนั้นแน่นอน ไม่แน่ว่าบางทีคนที่อ่านเรื่องต่อไปนี้ อาจจะอยากเลิกเล่นสายพรายไปเลยก็ได้
ก่อนอื่นผมขอแบ่งวัตถุมงคล เครื่องรางของขลังออกเป็น ๓ ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
๑.วัตถุมงคลประเภท อาศัยพลังบารมี คุณงามความดีจากตัวบุคคล เช่น เหรียญพระเกจิ เหรียญพระพุทธรูป พระผงฯ รูปเคารพต่างๆ ล็อคเก็ต ฯ
อันนี้แน่นอนครับ ว่าต้นกำเนิดมาจากการอธิษฐานจิต ให้ได้รับพลังจากท่านเหล่านี้ หรือคณาจารย์ผู้สร้าง เพื่อเป็นการรำลึกและขอพลังบารมี จากท่านเหล่านั้นมาเป็นหลัก
๒.วัตถุประเภท อาศัยพลังจากแรงครู แรงคาถา แรงวิชาจากยันต์ต่างๆ จากอิทธิคุณของทนสิทธิ์ที่มีพลังในตัว เช่นตะกรุดต่างๆ ผ้าประเจียด ผ้ายันต์ หนังเสือ เขี้ยวเสือฯ
ปรกติและประเภท ๑ และ ๒ หลายๆครั้งก็รวมกันดังที่เห็นกันประจำอยู่แล้ว เช่นหน้ารูปเคารพเกจิหลังเป็นยันต์ต่างๆ
๓.วัตถุประเภท อาศัยพลังจากวิญญาณ ดวงจิตต่างๆ หรือที่เราเรียกกันว่าเครื่องรางสายพรายนั่นล่ะครับ แต่ทั้งนี้ จริงๆประเภทนี้ ก็ไม่ได้มีเฉพาะสายพรายอย่างเดียว จริงๆประเภท นางตะเคียน หรือเจ้าพ่อ เจ้าแม่ ตามศาลดังๆที่มีคนไปกราบไหว้เป็นประจำ ก็อยู่ในประเภทนี้ด้วยเช่นเดียวกัน แต่จะขอเจาะลึกไปที่เครื่องรางสายพรายเป็นการเฉพาะเป็นพิเศษครับ
ตอนต่อไปค่อยมาสาธยายถึงต้นกำเนิดของเครื่องรางสายพรายแบบเจาะลึกลงไปอีกแบบละเอียดสุดๆในตอนหน้าครับ ขอเวลาเรียบเรียงและทบทวนความจำซักเล็กน้อยและจะมาต่อตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ เอาเป็นว่าใครรออ่านอยู่ก็แสดงตัวให้ทราบซักเล็กน้อย เพื่อจะได้เอามาพิจารณาจำนวนคนสนใจ ถ้าสนใจอ่านเยอะก็จะได้เขียนตอนต่อไปไวขึ้นครับผม

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิชาธรรมบรรลุ

วิชาธรรมบรรลุ การเรียนธรรมบรรลุ หนึ่งในวิชาโบราณอันลึกลับแห่งสายอีสาน ยากที่จะหาคำอธิบายที่สุดวิชานึง  หากจะกล่าวถึงต้นสายที่แท้จริงผู้เขียนเองก็จนปัญญาเนื่องจากไม่มีการบันทึกว่าเริ่มต้นแต่เมื่อใดสมัยใด แต่ปัจจุบันมีการแตกสายไปหลายทาง เช่นวิชาธรรมเก้าโกฎิ วิชาธรรมห้องพระไตร  วิชาธรรมฤาษี วิชาธรรมบรรดาล ในที่นี้จะกล่างถึงแค่สายของตัวผู้เขียน ซึ่งต้นสายใหญ่ แตกแขนงออกมาจาก  คุณพ่อใหญ่ธรรมฝั้น บ้านนาดอกไม้ และสายวิชาธรรมเก้าโกฐิ สายตักศิลานคร รายละเอียดแต่ละสายจะต่างกันในบางเรื่องเช่น เรื่องห้องเรื่องขันแต่สุดท้ายทุกๆสาย จะมีจุดมุ่งหมายไปทางเดียวกันการเข้ารับพลังของดวงแก้วดวงธรรมฝึกจิตขัดเกลาใจเช่นเดียวกัน วิชาธรรมบรรลุมีความแปลกพิศดารตรงที่แต่ล่ะคนจะได้คาถาบทเดียวกันแต่เมื่อผ่านการยัดธรรมขึ้นขันธรรมแล้ว  จะสวดภาษาต่างๆโดยที่ตัวผู้สวดเองก็ไม่รู้ตัว บางคนก็เป็นภาษากูโบส บางคนก็ภาษา เขมร พม่า จีน อินเดีย ตามแต่ที่ดวงพระธรรมท่านจะโปรด  ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่การฝึกของผู้ร่ำเรียนเอง บางคนก็ได้หลายภาษาก็อยู่ที่ผลการปฎิบัติมาแต่ตั้งเดิมมาแต่สัญญาก่อน  การเรียนธรรมบรรลุการสวดธรรมก็เหมือน

ต้องธรณีสาร โทษร้ายแรงที่คนโบราณสะพึงกลัว แต่คนปัจจุบันแทบจะไม่สนใจ

เมื่อว่าถึงคำว่า ต้องธรณีสารแน่นอนว่าผู้สนใจทางไสยศาสตร์และคนเล่นเครื่องรางของขลัง ล้วนจะเคบได้ยินกันผ่านหูมาบ้าง คำนี้แม้จะเคยได้ยินกันแต่น้อยคนที่จะรู้ จะเข้าใจว่าต้องธรณีสารเป็นอย่างไร บางครั้งก็จนตัวเองต้องธรณีสารไปแล้ว แต่ยังไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ก็ย่ำแย่หาเวลาแก้ไขก็สายเกินไปเสียแล้ว ......อธิบายง่ายๆ การต้องธรณีสารก็คือการที่ซวยแบบไม่รู้จบ ไม่รู้สิ้น ซวยซ้ำซวยซ้อน ชีวิตไม่มีเรื่องดีๆเกิดขึ้น ของหายอยู่เป็นประจำอันเป็นเหตุให้เสียเงินซื้อบ่อยๆ หนักกว่านั้นก็คือป่วยแบบไม่ทราบสาเหตุ มีเงินเท่าไหร่ก็หมดไปกับการรักษา ชีวิตแทบจะไม่เป็นอันได้อยู่เป็นสุข เอากันแบบชัดเจนก็คือโดนคว่ำบาตรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวดาทั้งหลาย ที่นอกจากจะไม่ช่วยเหลือแล้วยังซ้ำเติมให้หนักขึ้นกว่าเดิม   การต้องธรณีสาร เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่นคนที่ไปทำพิธี ถือวิชา ใช้เครื่องรางของขลัง แล้วทำผิดข้อห้ามต่างๆ ที่ครูบาอาจารย์ผู้ได้ลงวิชา ทำพิธีให้ท่านได้บอกไว้ เช่นถ่มน้ำลายลงโถส้วม ผิดลูกเมียคนอื่น ด่าพ่อแม่ทำร้ายบุพการี ลักทรัพย์หรือเสพยา ถ้าเป็นการผิดในเรื่องเบาๆ ส่วนมากก็แค่พิธีกรรมต่างๆที่ได้กระทำไปเสื่อมไม่เกิ

พระสุรัสวดี เทวีแห่งพระเวทย์และความรู้

พระแม่สุรัสวดี เป็นที่ที่นับถือกันอย่างสูงในนิกายศักติ นิกายนี้ถือเอาเทวีเป็นหลักมานับถือบูชา มีความเชื่อว่าพลังอำนาจแบ่งออกเป็นสองฝ่ายคืออำนาจแห่งบุรษเทพ และอำนาจแห่งสตรีเทพ เทวีสูงสุดทั้ง 3 ของนิกายศักติ จึงเป็นชายาของมหาเทพทั้ง 3 พระศิวะ พระนารายณ์และพรพรหม แต่โดยหลักจะนับพระแม่อุมา ชายาของพระศิวะเป็นหลักตามแนวทางของไศวนิกาย ในบทความนี้จะขอกล่าวถึงแต่เพียง พระสุรีสวดีเพียงพระองค์เดียว พระองค์จะถูกวาดสื่ออกมาในรูปแบบ สตรีผู้มีความสุขุม เยือกเย็น มองแล้วชวนให้สงบ มากกว่ามองแล้วจะรู้สึกถึงความมีอำนาจ และความงดงามแบบพระลักษมี ตามตำนานเล่าว่า พระแม่ทรงเป็นต้นกำเนิดแห่งคัมภีร์พระเวทย์ ซึ่งมีการก่อนศาสนาพราหมณ์ที่ยึดเอาคัมภีร์พระเวทย์เป็นหลัก อีกทั้งยังเป็นต้นกำเนิดแห่งอักษร และประดิษฐ์วีณาขึ้นมา จึงได้ถือเอาพระแม่เป็นทั้งเทวีแห่งสรรพความรู้ เวทย์มนต์คาถา ศิลปการแสดงและดนตรี ดังที่ในบ้านเราจะมีการมอบรางวัล พระสุรัสวดีแก่นักแสดงดีเด่นในแต่ละปี ในรูปที่สื่อออกแทนองค์พระแม่ มักจะอยู่ในรูปแบบเทวี 4 กร ในมือจะถือวีณา สร้อยลูกประคำ มีความหมายถึงการภาวนาและการชำระจิต คัมภีร์หรือหนังสือ