ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

วิธีการส่งพระเวทย์ พระมนต์ คนใช้ของเสน่ห์ต้องรู้เพราะไม่งั้นก็ไม่ต่างจากมีอาวุธแต่ใช้ไม่เป็น


                                         การส่งพระเวทย์ พระมนต์ ผู้ใช้เครื่องรางของขลังที่ต้องรู้
ใจจริงแล้วอยากจะเขียนบทความนี้ในอาทิตย์หน้า เพราะพึ่งจะลงบทความเรื่องสีผึ้งและน้ำมันไปเมื่อวาน
แต่เนื่องจากเห็นว่ามีหลายๆท่าน ที่พึ่งจะมาติดตามของผมอาจจะไม่ทันอ่านเคล็ดวิธีนี้ ที่ผมมักจะแนะนำคนที่ใช้เครื่องรางของสำนักนี้อยู่เสมอ อธิบายให้เข้าใจกันแบบคร่าวๆ ถ้าเปรียบเอาว่าเครื่องรางของขลังทั้งหลายที่คุณมี จะทั้งแบบแขวนหรือแบบน้ำมันสีผึ้งก็ตาม ใช้กับตัวเองก็ได้ผลเรื่องการดึงดูดในระดับนึง แต่ทีนี้แน่นอนว่าคนใช้เครื่องรางเสน่ห์ ย่อมต้องมีเป้าหมายคนที่หมายปองเป็นพิเศษ บางคนพยายามเข้าคุยเข้าจีบแล้วก็ยังไม่สำเร็จ จึงได้พึ่งเครื่องรางเสน่ห์ทั้งหลาย แต่ทว่าหลายๆคนกลับไม่สมหวัง ไม่ได้ดั่งใจเพราะด้วยเนื่องจากส่งพระเวทย์ พระมนต์ไปยังคนที่หมายปองไม่เป็น จึงแทบไม่มีผลอะไร บางคนก็ถึงกับโทษว่าของที่บูชามาเสียเงินเปล่าใช้ไม่เห็นผลอะไร.........
  การส่งพระเวทย์ พระมนต์ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก จนถึงมากที่สุดในการที่จะให้เกิดผลกับเป้าหมาย
หากส่งพระเวทย์ พระมนต์ให้เป็นจะช่วยให้เกิดผลแบบชัดเจนมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญที่สุดเหมาะสำหรับใช้กับคนใจแข็งหรือมีของดีคุ้มครองตัวเขาอยู่ ไม่ให้ตกอยู่ในมนต์สะกดของเครื่องรางต่างๆที่เรามี
  การส่งพระเวทย์ พระมนต์ทำได้หลายทาง แบบแรกแบบที่คนมีวิชาคาถา-อาคมใช้กัน นั่นก็คือฝากส่งไปกับพระพาย คือฝากไปกับลมอากาศ เพราะไม่มีที่ใดแห่งหนใดที่อากาศเข้าไม่ถึง หากแต่วิธีการเช่นนี้ ต้องอาศัยพลังจิตแก่กล้าและจำเป็นต้องสำเร็จสมาธิในระดับนึงก่อน ดังนั้นแบบนี้ยกไปเพียงแค่อธิบายพอให้รู้เท่านั้น
   แบบที่สอง ส่งผ่านสายตาและจิตของผู้กระทำ แบบนี้ก็จะยากน้อยกว่าแบบแรก แต่ก็ควรที่จะฝึกไว้ ในโอกาสที่ไม่มีเวลาส่งแบบถึงตัว นั่นคืออาศัยการเพ่งและการตั้งจิตไว้ว่า คนๆนั้นใจอ่อนกับเรา หากเราเข้าหาก็จะไม่รังเกียจ หากมีน้ำมันหรือสีผึ้งก็ใช้แต้มตามจุดชีพจรของเรา บริเวณข่อมือ ข้อพับหรือหลังใบหู จะเกิดผลดียิ่งขึ้นหากเราอยู่ตำแหน่งเหนือลมเพื่อให้พัดพาเอาฤทธิ์แห่งน้ำมันหรือสีผึ้งช่วยอีกทาง เสือเวลาล่าเหยื่อก็ต้องอาศัยแรงลมเช่นกัน จะอยู่ตำแหน่งใต้ลมไม่ให้สัตว์ได้กลิ่นสาปเสือ เพราะไม่งั้นเหยื่อจะรู้ตัวและหนีไปก่อน จดจำเอาไว้เสมอผู้ที่มีคาถาอาคมหรือคนเล่นของเราก็คือเสือตัวนึง
ดังเช่นโบราณจารย์ท่านจึงได้ใช้เสือแทนตัวผู้มีวิชาคาถาอาคมและอาคม พระเวทย์ทั้งหลายก็คือเสือเช่นกัน ดังนั้นจงกระทำตนอย่างเช่นเสือ ห้าวหาญและมั่นใจในตัวเองหากอยากจะเล่นเครื่องรางของขลังได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ เคล็ดลับอีกอย่างคือ ป้ายน้ำมันหรือสีผึ้งบริเวณคิวหรือเปลือกตา แล้วท่องคาถาประสบเนตรบ่อยๆ หากได้สบตากับเป้าหมายเมื่อไหร่นั่นคือการส่งพระมนต์ สำเร็จในระดับนึงแล้ว
คาถาประสบเนตร อิมิ อิมิ จักขุเลนะ
 
   แบบที่สามฝากผ่านไปกับเครื่องรางทั้งหลาย เอาแบบชัดเจนที่สุดนั่นคือล็อคเก็ตพระศรีแสรงแงง นั่นก็เพราะว่าจิตของพ่อศรีแสรงแงง เป็นผู้มีวิชาคาถาอาคมในระดับสูง การที่จะฝากให้พ่อเป็นผู้ช่วยส่งพระเวทย์พระมนต์ให้ แน่นอนว่าย่อมเชื่อถือได้กว่าพรายทั่วๆไป ใครที่มีในครอบครองก็ใช้และขอพ่อกันให้เป็น ประสบการณ์มากมายหลายหลายคงเป็นการยืนยันได้เป็นอย่างดี ส่วนถ้าใครที่มีตะกรุดมหาเสน่ห์วิชานครโสเภณีและปลัดขิก ก็ไม่ต้องตกใจไป อธิษฐานขอจากแรงครูให้ช่วยได้เช่นกันครับ
คาถาส่งพระเวทย์พระมนต์ไปกับเครื่องราง มุทุจิตตัง ภัทเท เอหิ...แล้วก็อธิษฐานขอได้เลยครับ
 
แบบที่สี่ แบบที่ง่ายที่สุดแต่ต้องอาศัยจังหวะและความกล้าซักเล็กน้อย นั่นคือส่งโดยตรง โดยตัวของเราเอง นั่นคือการป้ายคนที่หมายปอง หากแต่ควรระวังเขารู้ตัวซักเล็กน้อย เพราะถ้าป้ายแล้วเขารู้ตัวขึ้นมาอาจจะโดนด่าหรือโดนเกลียดได้ง่ายๆ แทนที่จะได้ผลกลายเป็นโดนเกลียด กรณีนี้เห็นมาเยอะครับ
หากจะกระทำส่งให้ถึงตัว ไม่จำเป็นต้องให้โดนตัว เอาแค่ให้โดนเสื้อผ้า หรือเส้นผมก็เพียงพอแล้ว
วิธีนี้หลายคนใช้แล้วเห็นผลมานักต่อนักแล้วครับ ส่วนคนที่ไม่กล้าหรือหาโอกาสกระทำแบบถึงตัวไม่ได้
เอาวิธีง่ายๆที่สุด นั่นคือป้ายดอกไม้ ดอกกุหลาบ หรือของขวัญส่งให้เขา หากเขารับกับมือเรานั่นก็คือการส่งพระเวทย์ พระมนต์สำเร็จแล้ว วิธีนี้จะเป็นมหาละลวยทำให้คนที่หมายปองใจอ่อน ว่าง่าย หลังจากนั้นก็คงไม่ต้องบอกกันไปมากกว่านี้แล้วนะครับ เพราะเดี๋ยวจะเป็นการสอนจีบสาวไปซะแทน


ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ คือวิธีการส่งพระเวทย์ พระมนต์ใช้เครื่องรางของขลังต่างๆให้เกิดผล หากคิดว่าของที่มีอยู่เกิดผลดีอยู่แล้ว วิธีเหล่านี้คือการเสริมให้เกิดผลดียิ่งๆขึ้นไป ส่วนใครที่ใช้แล้วยังรู้สึกว่าไม่เกิดผลใดๆ ก็ขอให้เอาวิธีเหล่านี้ไปปรับเปลี่ยนไปใช้เพื่อจะได้เกิดผล เพราะสำนักแห่งนี้เราไม่ได้ทำเครื่องรางออกมาเพียงแค่หวังจะขายเอาเงินอย่างเดียว ผมต้องการให้ทุกคนใช้เครื่องรางกันให้เป็น เพื่อที่จะได้คุ้มค่าเงินทุกบาท ทุกสตางค์ของท่าน เสียเงินบูชาของผมก็ต้องเห็นผลใช้ได้มีประสบการณ์ เพราะหากใครที่มาบอกว่าของผมใช้ไม่ดี ใช้แล้วเงียบผมจะไม่สบายใจอย่างมาก ผมจะหาวิธีมาแนะนำจนกว่าจะใช้กันให้ได้ผล เพื่อที่จะได้ใช้เครื่องรางทั้งหลายกันได้อย่างสนุก เพราะในทุกวันนี้น้อยที่มากๆ ไม่จนถึงแทบจะไม่มีที่ไหนอธิบาย เน้นย้ำวิธีใช้กันให้เกิดผลกันแล้ว ให้บูชาแบบขายแล้วขายเลย ไม่สนใจคนที่บูชาไปแล้วจะใช้กันเป็นยังไง สาธยายมาอย่างยืดยาว เห็นว่าดีก็นำไปใช้ให้เกิดประโยขน์ต่อไปครับผม

สมิงเดชา ฤษเวทย์ คนธรรมดาผู้ใช้เวทย์แห่งฤาษี

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิชาธรรมบรรลุ

วิชาธรรมบรรลุ การเรียนธรรมบรรลุ หนึ่งในวิชาโบราณอันลึกลับแห่งสายอีสาน ยากที่จะหาคำอธิบายที่สุดวิชานึง  หากจะกล่าวถึงต้นสายที่แท้จริงผู้เขียนเองก็จนปัญญาเนื่องจากไม่มีการบันทึกว่าเริ่มต้นแต่เมื่อใดสมัยใด แต่ปัจจุบันมีการแตกสายไปหลายทาง เช่นวิชาธรรมเก้าโกฎิ วิชาธรรมห้องพระไตร  วิชาธรรมฤาษี วิชาธรรมบรรดาล ในที่นี้จะกล่างถึงแค่สายของตัวผู้เขียน ซึ่งต้นสายใหญ่ แตกแขนงออกมาจาก  คุณพ่อใหญ่ธรรมฝั้น บ้านนาดอกไม้ และสายวิชาธรรมเก้าโกฐิ สายตักศิลานคร รายละเอียดแต่ละสายจะต่างกันในบางเรื่องเช่น เรื่องห้องเรื่องขันแต่สุดท้ายทุกๆสาย จะมีจุดมุ่งหมายไปทางเดียวกันการเข้ารับพลังของดวงแก้วดวงธรรมฝึกจิตขัดเกลาใจเช่นเดียวกัน วิชาธรรมบรรลุมีความแปลกพิศดารตรงที่แต่ล่ะคนจะได้คาถาบทเดียวกันแต่เมื่อผ่านการยัดธรรมขึ้นขันธรรมแล้ว  จะสวดภาษาต่างๆโดยที่ตัวผู้สวดเองก็ไม่รู้ตัว บางคนก็เป็นภาษากูโบส บางคนก็ภาษา เขมร พม่า จีน อินเดีย ตามแต่ที่ดวงพระธรรมท่านจะโปรด  ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่การฝึกของผู้ร่ำเรียนเอง บางคนก็ได้หลายภาษาก็อยู่ที่ผลการปฎิบัติมาแต่ตั้งเดิมมาแต่สัญญาก่อน  การเรียนธรรมบรรลุการสวดธรรมก็เหมือน

ต้องธรณีสาร โทษร้ายแรงที่คนโบราณสะพึงกลัว แต่คนปัจจุบันแทบจะไม่สนใจ

เมื่อว่าถึงคำว่า ต้องธรณีสารแน่นอนว่าผู้สนใจทางไสยศาสตร์และคนเล่นเครื่องรางของขลัง ล้วนจะเคบได้ยินกันผ่านหูมาบ้าง คำนี้แม้จะเคยได้ยินกันแต่น้อยคนที่จะรู้ จะเข้าใจว่าต้องธรณีสารเป็นอย่างไร บางครั้งก็จนตัวเองต้องธรณีสารไปแล้ว แต่ยังไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ก็ย่ำแย่หาเวลาแก้ไขก็สายเกินไปเสียแล้ว ......อธิบายง่ายๆ การต้องธรณีสารก็คือการที่ซวยแบบไม่รู้จบ ไม่รู้สิ้น ซวยซ้ำซวยซ้อน ชีวิตไม่มีเรื่องดีๆเกิดขึ้น ของหายอยู่เป็นประจำอันเป็นเหตุให้เสียเงินซื้อบ่อยๆ หนักกว่านั้นก็คือป่วยแบบไม่ทราบสาเหตุ มีเงินเท่าไหร่ก็หมดไปกับการรักษา ชีวิตแทบจะไม่เป็นอันได้อยู่เป็นสุข เอากันแบบชัดเจนก็คือโดนคว่ำบาตรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวดาทั้งหลาย ที่นอกจากจะไม่ช่วยเหลือแล้วยังซ้ำเติมให้หนักขึ้นกว่าเดิม   การต้องธรณีสาร เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่นคนที่ไปทำพิธี ถือวิชา ใช้เครื่องรางของขลัง แล้วทำผิดข้อห้ามต่างๆ ที่ครูบาอาจารย์ผู้ได้ลงวิชา ทำพิธีให้ท่านได้บอกไว้ เช่นถ่มน้ำลายลงโถส้วม ผิดลูกเมียคนอื่น ด่าพ่อแม่ทำร้ายบุพการี ลักทรัพย์หรือเสพยา ถ้าเป็นการผิดในเรื่องเบาๆ ส่วนมากก็แค่พิธีกรรมต่างๆที่ได้กระทำไปเสื่อมไม่เกิ

พระสุรัสวดี เทวีแห่งพระเวทย์และความรู้

พระแม่สุรัสวดี เป็นที่ที่นับถือกันอย่างสูงในนิกายศักติ นิกายนี้ถือเอาเทวีเป็นหลักมานับถือบูชา มีความเชื่อว่าพลังอำนาจแบ่งออกเป็นสองฝ่ายคืออำนาจแห่งบุรษเทพ และอำนาจแห่งสตรีเทพ เทวีสูงสุดทั้ง 3 ของนิกายศักติ จึงเป็นชายาของมหาเทพทั้ง 3 พระศิวะ พระนารายณ์และพรพรหม แต่โดยหลักจะนับพระแม่อุมา ชายาของพระศิวะเป็นหลักตามแนวทางของไศวนิกาย ในบทความนี้จะขอกล่าวถึงแต่เพียง พระสุรีสวดีเพียงพระองค์เดียว พระองค์จะถูกวาดสื่ออกมาในรูปแบบ สตรีผู้มีความสุขุม เยือกเย็น มองแล้วชวนให้สงบ มากกว่ามองแล้วจะรู้สึกถึงความมีอำนาจ และความงดงามแบบพระลักษมี ตามตำนานเล่าว่า พระแม่ทรงเป็นต้นกำเนิดแห่งคัมภีร์พระเวทย์ ซึ่งมีการก่อนศาสนาพราหมณ์ที่ยึดเอาคัมภีร์พระเวทย์เป็นหลัก อีกทั้งยังเป็นต้นกำเนิดแห่งอักษร และประดิษฐ์วีณาขึ้นมา จึงได้ถือเอาพระแม่เป็นทั้งเทวีแห่งสรรพความรู้ เวทย์มนต์คาถา ศิลปการแสดงและดนตรี ดังที่ในบ้านเราจะมีการมอบรางวัล พระสุรัสวดีแก่นักแสดงดีเด่นในแต่ละปี ในรูปที่สื่อออกแทนองค์พระแม่ มักจะอยู่ในรูปแบบเทวี 4 กร ในมือจะถือวีณา สร้อยลูกประคำ มีความหมายถึงการภาวนาและการชำระจิต คัมภีร์หรือหนังสือ