ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เทศกาลกินเจ

ว่ากันด้วยเทศกาลถือศีลกินเจ ที่กำลังจะถึงนี้ บทความนี้ผมจะไม่ว่าถึงรายละเอียดเหตุผลที่มาต่างๆที่หาได้จาก ทั่วๆไปที่คงจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว คงไม่เอามะพร้าวห้าวมาขายสวนแน่ๆ แต่จะไปเน้นในแง่มุมที่เป็นพิธีกรรมเป็นหลักแทน ต้นตำรับดั้งเดิมของชาวจีนโพ้นทะเลจากมณฑลฮกเกี้ยน ที่มาลงหลักปักฐานอยู่ที่ จ.ตรัง และก็แตกขยายออกไป หลายๆพื้นที่ ที่รู้จักกันดีก็ภูเก็ต ปัตตานี พัทยา จนสุดท้ายก็กลายมาเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมที่แพร่หลายทั่วไป ในพื้นที่ลูกหลานไทยเชื้อสายจีนอยู่อาศัยในปัจจุบัน 
ความจริงแล้วต้องแยกออกจากสิ้นเชิง ระหว่างถือศีลกินเจของทั่วไปและถือศีลกินผักของทางใต้ เพราะคำว่า"เจ" แปลความหมายแล้วหมายถึง "อุโบสถศีล" ความหมายก็ตรงตัวอยู่แล้ว ว่าเป็นจุดมุ่งหมายเพื่อทางศีลธรรม แต่ดั้งเดิมเป็นการบำเพ็ญพรตของนิกายเต๋าทางฝ่ายเหนือ ซึ่งจะเป็นบางช่วง ไม่ได้มีกำหนดระยะเวลาแน่นอน อันนี้ตามแต่ว่าจะปฎิบัติกันช่วงไหน บางท่านก็สมาทานตลอดชีวิตก็มี จุดประสงค์ก็เพื่อสงบกาย สงบใจ ทำความดีละเว้นการฆ่าโดยตรง และก็ตามที่มีคำขวัญยอดฮิตมาในปีหลังๆ "หนึ่งชีวิตกินเจ หมื่นชีวิตรอดตาย" อะไรทำนองนั้น แล้วก็เป็นอันแขวะกันไปมาระหว่างคนกินเจกับไม่กินเจ ซึ่งอันนั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับประเพณีดั้งเดิมของทางใต้เลย ซึ่งการกินเจแบบนี้จะไม่มีพิธีกรรมอะไรทั้งสิ้น
เพราะเจตนาของการ ถือศีลกินผัก ของชาวฮกเกี้ยนนั้น เจตนาเพื่อพิธีกรรม ซึ่งมีการกำหนดกันแน่นอนคือเดือน 9 ของจีน เจตนาคือเพื่อเซ่นบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์และการชำระมลทิน ซึ่งแต่โบราณจะกระทำกันเฉพาะชนชั้นนำหรือผู้ปกครองเวลาจะกระทำสิ่งใดๆ หรือพิธีสำคัญๆเท่านั้น 
แต่เมื่อชาวจีนฮกเกี้ยนที่มาตั้งรกราก อยู่ที่ จ.ตรังของไทย ก็ได้นำเอาความศรัทธาแต่ดั้งเดิมมาด้วยเพื่อเป็นกำลังใจ ในการต่อสู้และสร้างเนื้อสร้างตัว โดยนำมาในรูปแบบผงจากกระถางธูปจากศาลเจ้าดั้งเดิมที่จากมา ซึ่งจะไล่ย้อนกันไปก็ต้องแต่สมัยสร้างเมืองกันตังเลยล่ะครับ ซึ่งเวลาไม่ต่ำกว่า 100-150 ปีแน่นอน ซึ่งก็ได้มีการรื้อฟื้นพิธีกรรมกินเจขึ้นมา ก็โดยเหล่าผู้ก่อตั้งศาลเจ้าแห่งเมืองตรังนี่ล่ะครับ 
และอย่างที่บอกเจตนาไม่ได้เพื่อละเว้นชีวิต เมตตาแก่สรรพสัตว์ใดๆ หลักๆคือเพื่อพิธีกรรมอัญเชิญเทพเจ้า ดังนั้นแน่นอนการแห่พระ การลงทรงต่างๆ ที่มีหลายคนสงสัยและตั้งคำถามว่า บ้างก็บอกว่ามันไปเกี่ยวอะไรกับการละเว้นชีวิตสรรพสัตว์ประกอบคุณความดี ซึ่งก็เพราะมันไม่เกี่ยวอะไรกันเลย เพียงแต่ลูกหลานคนจีนชาวเมืองที่ไม่ใช่ชาวฮกเกี้ยนเอง ก็ยังไม่รู้ถึงพิธีกรรมอันนี้ ซึ่งแต่เดิมเป็นพิธีกรรมลึกลับเป็นพิธีกรรมเฉพาะส่วนบุคคล ไม่ใช่เป็นวัฒนธรรมหลักของชาวจีนทั้งหมด จนถึงกับมีบางท่านตั้งข้อสังเกตุไปถึงเป็นพิธีกรรมลับของกลุ่มอั้งยี่ ที่ทำเพื่อปลุกตัวและปลุกความมั่นใจ และเพื่อให้คนภายนอกเกรงกลัว อันนี้ก็ยังไม่ได้การยอมรับเท่าไหร่ เพราะยังมีแตกไปอีกหลายทฤษฎีมากมาย แต่โดยรวมๆแล้วเจตนาคือเพื่อพิธีกรรมบูชาและอัญเชิญเทพเจ้าเท่านั้น และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับทางพุทธและละเว้นชีวิตสรรพสัตว์ใดๆ อันนั้นเป็นการถือศีลบำเพ็ญพรตแบบชาวจีนทั่วๆไป ซึ่งไม่จำกัดวันและเวลา ไม่ใช่เจตนาของเทศกาลกินเจของทางภาคใต้ ทั้งที่กล่าวมาคือจากข้อมูลและการทำความเข้าใจของผมเอง และแน่นอนว่ายังมีหลายสิ่งที่ผมไม่เข้าใจ ยังพยายามหาคำตอบอีกมาก เรื่องลึกลับมากมายที่ซ่อนอยู่ เช่นมีบางศาลเจ้า ที่มีการบูชากราบไหว้ "โต๊ะ" ซึ่งเป็นของศาสนาอิสลาม และยังมีการแห่อัญเชิญแบบเจ้าจีน แต่กลับเป็นการเชิญทรง"โต๊ะของทางอิสลาม" แต่พิธีกรรมทั้งหลายรูปแบบเดียวกับการอัญเชิญเจ้าจีน อันนี้โดยส่วนตัวมองว่าเป็นพหุวัฒนธรรม ที่ควบรวมกับความเชื่อและความเคารพของคนพื้นที่ดั้งเดิม ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องไปสัมผัสและหาคำตอบด้วยตัวเองต่อไปครับผม ก็นำมาให้อ่านและได้รับรู้ถึงในแง่มุม ที่คนทั่วๆไปไม่ค่อยจะมองกันครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิชาธรรมบรรลุ

วิชาธรรมบรรลุ การเรียนธรรมบรรลุ หนึ่งในวิชาโบราณอันลึกลับแห่งสายอีสาน ยากที่จะหาคำอธิบายที่สุดวิชานึง  หากจะกล่าวถึงต้นสายที่แท้จริงผู้เขียนเองก็จนปัญญาเนื่องจากไม่มีการบันทึกว่าเริ่มต้นแต่เมื่อใดสมัยใด แต่ปัจจุบันมีการแตกสายไปหลายทาง เช่นวิชาธรรมเก้าโกฎิ วิชาธรรมห้องพระไตร  วิชาธรรมฤาษี วิชาธรรมบรรดาล ในที่นี้จะกล่างถึงแค่สายของตัวผู้เขียน ซึ่งต้นสายใหญ่ แตกแขนงออกมาจาก  คุณพ่อใหญ่ธรรมฝั้น บ้านนาดอกไม้ และสายวิชาธรรมเก้าโกฐิ สายตักศิลานคร รายละเอียดแต่ละสายจะต่างกันในบางเรื่องเช่น เรื่องห้องเรื่องขันแต่สุดท้ายทุกๆสาย จะมีจุดมุ่งหมายไปทางเดียวกันการเข้ารับพลังของดวงแก้วดวงธรรมฝึกจิตขัดเกลาใจเช่นเดียวกัน วิชาธรรมบรรลุมีความแปลกพิศดารตรงที่แต่ล่ะคนจะได้คาถาบทเดียวกันแต่เมื่อผ่านการยัดธรรมขึ้นขันธรรมแล้ว  จะสวดภาษาต่างๆโดยที่ตัวผู้สวดเองก็ไม่รู้ตัว บางคนก็เป็นภาษากูโบส บางคนก็ภาษา เขมร พม่า จีน อินเดีย ตามแต่ที่ดวงพระธรรมท่านจะโปรด  ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่การฝึกของผู้ร่ำเรียนเอง บางคนก็ได้หลายภาษาก็อยู่ที่ผลการปฎิบัติมาแต่ตั้งเดิมมาแต่สัญญาก่อน  การเรียนธรรมบรรลุการสวดธรรมก็เหมือน

ต้องธรณีสาร โทษร้ายแรงที่คนโบราณสะพึงกลัว แต่คนปัจจุบันแทบจะไม่สนใจ

เมื่อว่าถึงคำว่า ต้องธรณีสารแน่นอนว่าผู้สนใจทางไสยศาสตร์และคนเล่นเครื่องรางของขลัง ล้วนจะเคบได้ยินกันผ่านหูมาบ้าง คำนี้แม้จะเคยได้ยินกันแต่น้อยคนที่จะรู้ จะเข้าใจว่าต้องธรณีสารเป็นอย่างไร บางครั้งก็จนตัวเองต้องธรณีสารไปแล้ว แต่ยังไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ก็ย่ำแย่หาเวลาแก้ไขก็สายเกินไปเสียแล้ว ......อธิบายง่ายๆ การต้องธรณีสารก็คือการที่ซวยแบบไม่รู้จบ ไม่รู้สิ้น ซวยซ้ำซวยซ้อน ชีวิตไม่มีเรื่องดีๆเกิดขึ้น ของหายอยู่เป็นประจำอันเป็นเหตุให้เสียเงินซื้อบ่อยๆ หนักกว่านั้นก็คือป่วยแบบไม่ทราบสาเหตุ มีเงินเท่าไหร่ก็หมดไปกับการรักษา ชีวิตแทบจะไม่เป็นอันได้อยู่เป็นสุข เอากันแบบชัดเจนก็คือโดนคว่ำบาตรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวดาทั้งหลาย ที่นอกจากจะไม่ช่วยเหลือแล้วยังซ้ำเติมให้หนักขึ้นกว่าเดิม   การต้องธรณีสาร เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่นคนที่ไปทำพิธี ถือวิชา ใช้เครื่องรางของขลัง แล้วทำผิดข้อห้ามต่างๆ ที่ครูบาอาจารย์ผู้ได้ลงวิชา ทำพิธีให้ท่านได้บอกไว้ เช่นถ่มน้ำลายลงโถส้วม ผิดลูกเมียคนอื่น ด่าพ่อแม่ทำร้ายบุพการี ลักทรัพย์หรือเสพยา ถ้าเป็นการผิดในเรื่องเบาๆ ส่วนมากก็แค่พิธีกรรมต่างๆที่ได้กระทำไปเสื่อมไม่เกิ

พระสุรัสวดี เทวีแห่งพระเวทย์และความรู้

พระแม่สุรัสวดี เป็นที่ที่นับถือกันอย่างสูงในนิกายศักติ นิกายนี้ถือเอาเทวีเป็นหลักมานับถือบูชา มีความเชื่อว่าพลังอำนาจแบ่งออกเป็นสองฝ่ายคืออำนาจแห่งบุรษเทพ และอำนาจแห่งสตรีเทพ เทวีสูงสุดทั้ง 3 ของนิกายศักติ จึงเป็นชายาของมหาเทพทั้ง 3 พระศิวะ พระนารายณ์และพรพรหม แต่โดยหลักจะนับพระแม่อุมา ชายาของพระศิวะเป็นหลักตามแนวทางของไศวนิกาย ในบทความนี้จะขอกล่าวถึงแต่เพียง พระสุรีสวดีเพียงพระองค์เดียว พระองค์จะถูกวาดสื่ออกมาในรูปแบบ สตรีผู้มีความสุขุม เยือกเย็น มองแล้วชวนให้สงบ มากกว่ามองแล้วจะรู้สึกถึงความมีอำนาจ และความงดงามแบบพระลักษมี ตามตำนานเล่าว่า พระแม่ทรงเป็นต้นกำเนิดแห่งคัมภีร์พระเวทย์ ซึ่งมีการก่อนศาสนาพราหมณ์ที่ยึดเอาคัมภีร์พระเวทย์เป็นหลัก อีกทั้งยังเป็นต้นกำเนิดแห่งอักษร และประดิษฐ์วีณาขึ้นมา จึงได้ถือเอาพระแม่เป็นทั้งเทวีแห่งสรรพความรู้ เวทย์มนต์คาถา ศิลปการแสดงและดนตรี ดังที่ในบ้านเราจะมีการมอบรางวัล พระสุรัสวดีแก่นักแสดงดีเด่นในแต่ละปี ในรูปที่สื่อออกแทนองค์พระแม่ มักจะอยู่ในรูปแบบเทวี 4 กร ในมือจะถือวีณา สร้อยลูกประคำ มีความหมายถึงการภาวนาและการชำระจิต คัมภีร์หรือหนังสือ