หลายๆคนคงคุ้นเคยกันอย่างดี เกี่ยวกับเรื่องคำทำนายวันสิ้นโลก เอาที่ดังๆเป็นที่รู้จักไปทั่วก็
คำทำนายของ นอสตราดามุส และหลังจากนั้นก็มีฮือฮาเกี่ยวกับปี 2000 และหลังจากนั้นก็มา 2012
ซึ่งก็ทำเอาคนที่เชื่อถือในเรื่องเหล่านี้ ตื่นตระหนกตกใจและตีความกันไปต่างๆนานา แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้เกินขึ้นมาจริงๆ ก็ได้แต่หวังว่าคงจะยังไม่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้
มาว่ากันถึงเกี่ยวกับ คำสอนหรือคำทำนายในพระคัมภีร์ ของศาสนาต่างๆ ที่ในหลายๆศาสนาจะเรียกว่าบังเอิญก็คงไม่ใช่ เพราะแต่ละศาสนาก็มีบันทึกถึงเรื่องราวการกำลังจะมาถึงของเหตุการณ์วันสิ้นโลก ต่างๆกันไป เอาของทางพุทธเรา ก็มีความเชื่อเกี่ยวกับยุคพระศรีอาริยเมตตรัย ซึ่งจะมาถึงหลังจากพุทธสมัยของพระพุทธเจ้าองค์ที่ 4 ในภัทรกัปป์นี้ ผ่านไปแล้วถึง 5000 ปี หลังจากนั้นจะเกิดยุคเข็ญจาก ทุกขภัยทั้ง 4 ซึ่งทุกขภัยทั้ง 4 เกิดทั้งจากธรรมชาติและด้วยน้ำมือมนุษย์กันเอง ได้แก่
1.อัคคีภัย ทั้งนี้รวมไปถึง เพลิงโทสะ เพลิงริษยา เพลิงราคะ อันนำมาสู่ความไร้สติ
2.อุทกภัย รวมไปถึง การจมอยู่ในความทุกข์ ในบ่อน้ำตา ความเศร้าอาดูร
3.วาตภัย รวมไปถึง ภัยจากลมปากจากการนินทา ว่าร้ายใส่ความกันต่างๆนานา
4.โจรภัย ก็ตามชื่อ นั่นคือการปล้น แย่งชิง การโกงต่างๆนานา
ทั้ง 4 ภัยนี้จะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงทั้งยังซ้ำเติมโหมภัยพิบัติทั้ง 4 จากมนุษย์ด้วยกันเอง ทำให้เกิดยุคเข็ญ
และศีลธรรมเสื่อมโทรม จนกว่าจะถึงเวลาที่ศาสดาองค์ใหม่จะมาโปรด โลกจึงจะเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง
อันนี้คือความเชื่อของทางศาสนาพุทธ
ส่วนทางศาสนาคริสต์มีบันทึกเกี่ยวกับวันสิ้นโลก ในคัมภีร์วิวรณ์ เกี่ยวกับวันพิพากษาและวันสิ้นโลก
เหตุการณ์อันนำไปสู่วันพิพากษาแล้ววันสิ้นโลกก็คือ มนุษย์ล้วนตกอยู่ในบาปทั้ง 7 ประการ หรือเรียกอีกอย่างว่ามหัตภัยอันนำไปสู่การสิ้นดลกทั้ง 7 ได้แก่
1.ราคะ 2.ตะกละ 3.โลภะ 4.เกียจคร้าน 5.โทษะ 6.ริษยา 7.อัตตา
ซึ่งถ้าหากพิจารณาแล้ว บาปทั้ง 7 ประการนี้ก็คล้ายๆกับทุกขภัยทั้ง 4 อันจะเกิดมาจากมนุษย์ของทางพุทธศาสนา ส่วนเหตุการณ์ก่อนจะถึงวันพิพากษาก็คือ จากเกิดของพระเจ้าตัวปลอม ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นซาตานปลอมตัวมา ทำให้เหล่ามนุษย์เข้าใจผิด และละทิ้งคำสอนของพระเจ้า อันนำพาให้มนุษย์ทั้งหลาย ตกอยู่ในบาปทั้ง 7 ประการ เมื่อสวรรค์เบื้องบนเห็นว่าเกินเยียวยา ก็จะส่งจตุอาชา 4 Horseman
มาสร้างภัยพิบัติร้ายแรงให้เกิดแก่โลกมนุษย์
อันได้แก่ 1.โรคระบาด 2.สงคราม 3.ความอดอยาก 4.ความตาย
เมื่อล้างเหล่ามนุษย์ผู้ตกอยู่ในบาปทั้งโลก แล้วจึงจะได้ถึงเวลาของจากจุติของผู้กอบกู้โลกให้สงบสุขอีกครั้ง
จะเห็นได้ว่าทั้งสองศาสนา ล้วนมีความคล้ายคลึงกันแตกต่างกันเพียงรายละเอียดบางประการ
ทั้งนี้ยังมีของอีก 2 ศาสนาอันได้แก่ พราหมณ์หรือฮินดู ที่กล่าวถึงวันสิ้นโลกและการกำเนิดของศาสดาองค์ใหม่ที่มาเพื่อกอบกู้โลกให้เป็นระเบียบอีกครั้ง อันที่คงเคยได้ยินกันเกี่ยวเรื่อง นารายณ์ปางที่ 10
และของอิสลามเองก็มี เรื่องราวของ อิหม่ามองค์ที่ 13 ซึ่งความเชื่อนี้เป็นของทางนิกายชีอะห์
ที่จะมาปรากฎตัวเมื่อโลกเข้าสู่วันสุดท้าย เพื่อนำเหล่ามนุษย์ให้พ้นจากวันสิ้นโลก
หรือแม้แต่ศาสนาโบราณที่สาปสูญไปแล้ว อย่างศาสนาโซโรอัสเตอร์ ซึ่งเป็นลัทธิบูชาไฟของทางเปอร์เซียโบราณ ก็มีบันทึกเรื่องลูกไฟลูกใหญ่เผาผลาญโลกเช่นกัน
แต่ไม่ว่าจะพยายามหาความเชื่อมโยงใดๆก็ตาม ก็มีบางคติที่มีความเชื่อว่า แท้จริงแล้วไม่ได้ให้ถือเรื่องวันสิ่นโลกเป็นจริงเป็นจังมากนัก เพราะบางทีอาจจะเป็นการแฝงคำสอนของในแต่ละศาสนา ที่ล้วนแต่สอนในคนไม่ยึดติดในสิ่งใดๆ ไม่มีสิ่งใดที่คงอยู่ถาวร ดังเช่นที่ว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไปนั่นล่ะครับ
ส่วนจะเป็นแบบไหนก็สุดแต่ที่จะมีใครๆคาดเดา อ่านเอาสนุกๆเพลินพอได้ความรู้กัน ได้รู้เกี่ยวกับ ทุกขภัยทั้ง 4 และบาปทั้ง 7 ประการแล้ว เพื่อจะได้รู้ทันและพิจารณาไม่ให้ตัวเราต้องตกอยู่ในสิ่งเหล่านี้เสียเองครับผม
คำทำนายของ นอสตราดามุส และหลังจากนั้นก็มีฮือฮาเกี่ยวกับปี 2000 และหลังจากนั้นก็มา 2012
ซึ่งก็ทำเอาคนที่เชื่อถือในเรื่องเหล่านี้ ตื่นตระหนกตกใจและตีความกันไปต่างๆนานา แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้เกินขึ้นมาจริงๆ ก็ได้แต่หวังว่าคงจะยังไม่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้
มาว่ากันถึงเกี่ยวกับ คำสอนหรือคำทำนายในพระคัมภีร์ ของศาสนาต่างๆ ที่ในหลายๆศาสนาจะเรียกว่าบังเอิญก็คงไม่ใช่ เพราะแต่ละศาสนาก็มีบันทึกถึงเรื่องราวการกำลังจะมาถึงของเหตุการณ์วันสิ้นโลก ต่างๆกันไป เอาของทางพุทธเรา ก็มีความเชื่อเกี่ยวกับยุคพระศรีอาริยเมตตรัย ซึ่งจะมาถึงหลังจากพุทธสมัยของพระพุทธเจ้าองค์ที่ 4 ในภัทรกัปป์นี้ ผ่านไปแล้วถึง 5000 ปี หลังจากนั้นจะเกิดยุคเข็ญจาก ทุกขภัยทั้ง 4 ซึ่งทุกขภัยทั้ง 4 เกิดทั้งจากธรรมชาติและด้วยน้ำมือมนุษย์กันเอง ได้แก่
1.อัคคีภัย ทั้งนี้รวมไปถึง เพลิงโทสะ เพลิงริษยา เพลิงราคะ อันนำมาสู่ความไร้สติ
2.อุทกภัย รวมไปถึง การจมอยู่ในความทุกข์ ในบ่อน้ำตา ความเศร้าอาดูร
3.วาตภัย รวมไปถึง ภัยจากลมปากจากการนินทา ว่าร้ายใส่ความกันต่างๆนานา
4.โจรภัย ก็ตามชื่อ นั่นคือการปล้น แย่งชิง การโกงต่างๆนานา
ทั้ง 4 ภัยนี้จะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงทั้งยังซ้ำเติมโหมภัยพิบัติทั้ง 4 จากมนุษย์ด้วยกันเอง ทำให้เกิดยุคเข็ญ
และศีลธรรมเสื่อมโทรม จนกว่าจะถึงเวลาที่ศาสดาองค์ใหม่จะมาโปรด โลกจึงจะเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง
อันนี้คือความเชื่อของทางศาสนาพุทธ
ส่วนทางศาสนาคริสต์มีบันทึกเกี่ยวกับวันสิ้นโลก ในคัมภีร์วิวรณ์ เกี่ยวกับวันพิพากษาและวันสิ้นโลก
เหตุการณ์อันนำไปสู่วันพิพากษาแล้ววันสิ้นโลกก็คือ มนุษย์ล้วนตกอยู่ในบาปทั้ง 7 ประการ หรือเรียกอีกอย่างว่ามหัตภัยอันนำไปสู่การสิ้นดลกทั้ง 7 ได้แก่
1.ราคะ 2.ตะกละ 3.โลภะ 4.เกียจคร้าน 5.โทษะ 6.ริษยา 7.อัตตา
ซึ่งถ้าหากพิจารณาแล้ว บาปทั้ง 7 ประการนี้ก็คล้ายๆกับทุกขภัยทั้ง 4 อันจะเกิดมาจากมนุษย์ของทางพุทธศาสนา ส่วนเหตุการณ์ก่อนจะถึงวันพิพากษาก็คือ จากเกิดของพระเจ้าตัวปลอม ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นซาตานปลอมตัวมา ทำให้เหล่ามนุษย์เข้าใจผิด และละทิ้งคำสอนของพระเจ้า อันนำพาให้มนุษย์ทั้งหลาย ตกอยู่ในบาปทั้ง 7 ประการ เมื่อสวรรค์เบื้องบนเห็นว่าเกินเยียวยา ก็จะส่งจตุอาชา 4 Horseman
มาสร้างภัยพิบัติร้ายแรงให้เกิดแก่โลกมนุษย์
อันได้แก่ 1.โรคระบาด 2.สงคราม 3.ความอดอยาก 4.ความตาย
เมื่อล้างเหล่ามนุษย์ผู้ตกอยู่ในบาปทั้งโลก แล้วจึงจะได้ถึงเวลาของจากจุติของผู้กอบกู้โลกให้สงบสุขอีกครั้ง
จะเห็นได้ว่าทั้งสองศาสนา ล้วนมีความคล้ายคลึงกันแตกต่างกันเพียงรายละเอียดบางประการ
ทั้งนี้ยังมีของอีก 2 ศาสนาอันได้แก่ พราหมณ์หรือฮินดู ที่กล่าวถึงวันสิ้นโลกและการกำเนิดของศาสดาองค์ใหม่ที่มาเพื่อกอบกู้โลกให้เป็นระเบียบอีกครั้ง อันที่คงเคยได้ยินกันเกี่ยวเรื่อง นารายณ์ปางที่ 10
และของอิสลามเองก็มี เรื่องราวของ อิหม่ามองค์ที่ 13 ซึ่งความเชื่อนี้เป็นของทางนิกายชีอะห์
ที่จะมาปรากฎตัวเมื่อโลกเข้าสู่วันสุดท้าย เพื่อนำเหล่ามนุษย์ให้พ้นจากวันสิ้นโลก
หรือแม้แต่ศาสนาโบราณที่สาปสูญไปแล้ว อย่างศาสนาโซโรอัสเตอร์ ซึ่งเป็นลัทธิบูชาไฟของทางเปอร์เซียโบราณ ก็มีบันทึกเรื่องลูกไฟลูกใหญ่เผาผลาญโลกเช่นกัน
แต่ไม่ว่าจะพยายามหาความเชื่อมโยงใดๆก็ตาม ก็มีบางคติที่มีความเชื่อว่า แท้จริงแล้วไม่ได้ให้ถือเรื่องวันสิ่นโลกเป็นจริงเป็นจังมากนัก เพราะบางทีอาจจะเป็นการแฝงคำสอนของในแต่ละศาสนา ที่ล้วนแต่สอนในคนไม่ยึดติดในสิ่งใดๆ ไม่มีสิ่งใดที่คงอยู่ถาวร ดังเช่นที่ว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไปนั่นล่ะครับ
ส่วนจะเป็นแบบไหนก็สุดแต่ที่จะมีใครๆคาดเดา อ่านเอาสนุกๆเพลินพอได้ความรู้กัน ได้รู้เกี่ยวกับ ทุกขภัยทั้ง 4 และบาปทั้ง 7 ประการแล้ว เพื่อจะได้รู้ทันและพิจารณาไม่ให้ตัวเราต้องตกอยู่ในสิ่งเหล่านี้เสียเองครับผม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น