ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก
คนเล่นของถือวิชาหลายๆคน น่าจะคุ้นเคยกันดีกับข้อห้ามสิ่งปฎิบัติต่างๆ ที่ยึดถือต่อๆกันมา เช่นการไม่กินฟัก,น้ำเต้า ไม่ถ่มน้ำลายลงโถส้วม ไม่ลอดใต้ราวผ้าหรือผ้าถุง ไม่ลอดและไม่เดินสะพานไม้แขวนเดี่ยวหรือขาเดี่ยว บางคนก็ปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด บางคนก็เก็บความสงสัยไว้ในใจว่าทำไมแต่ก็ยังคงปฎิบัติตาม ส่วนบางคนก็ถือบ้างไม่ถือบ้างหรือบางคนก็ไม่ถือเลย ก็ตามแต่เหตุผลของแต่ละที่ของแต่ละสำนักจะให้บรรดาศิษยานุศิษย์ถือคร่ำเคร่งมากน้อยเพียงใด
 แต่ความจริงแล้วข้อห้ามหลายๆอย่างที่เราคุ้นเคยกันทั้งหลายนั้น ความจริงแล้วเป็นเพียงแค่การอุปมาอุปมัย ไม่ใช่ว่าให้ถือไว้เฉยๆไม่คิดไม่พิจารณาตาม เพราะแบบนั้นไม่เพียงแต่จะไม่ได้อะไรยังแค่ถือไว้หนักเป็นความลำบากให้การดำเนินชีวิตซะเปล่าๆ มาดูความหมายที่แท้จริงของข้อห้ามที่คนสักยันตืหรือคนเล่นของต่างๆถือกัน และสิ่งที่หลายๆคนสงสัยว่าถ้าเผลอไปทำของจะเสื่อมหรือไม่
1.ห้ามกินฟัก บวบ อันนี้มีสองเหตุผล เหตุผลแรก นั่นคือ พืชเหล่านี้มีสรรพคุณล้างและข่มพวกว่านต่างๆ ที่ผสมหมึกที่ใช้สัก จึงอาจจะทำให้ล้างสรรพคุณบางอย่างให้พิธีกรรมที่ลงไปเสื่อมฤทธิ์หรือไม่สามารถออกฤทธิ์ได้เต็มทีี่ อันนี้คือเหตุผลแรก ส่วนเหตุผลที่สองนั่นคือในสมัยโบราณไม่มียารักษา คนที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์เช่น หนองใน การรักษาสมัยนั้นที่นิยมกันก็คือ เอาฟัก เอาแตง มาคว้านเป็นรู แล้วเอาองคชาติใส่ลงไป เพื่อให้ดูดหนองหรือบรรเทาอาการแสบร้อน เมื่อเสร็จแล้วก็โยนทิ้งขว้างออกผลงอกออกมา ใครที่มาทีหลังไม่รู้ก็เก็บเอาไปกินอาจจะติดโรคได้ แต่ถึงไม่ติดหากว่ารู้ที่มาว่าสิ่งที่กำลังจะกิน มีที่มาแบบนี้ยังจะกล้ากินกันลงมั้ยล่ะครับ เพื่อเป็นการตัดปัญหาจึงได้มีข้อห้ามนี้ขึ้นมา
2.ห้ามกินมะเฟือง น้ำเต้า อันนี้มีหลายคติและคำอธิบาย หลักคือมะเฟืองและน้ำเต้ามีลักษณะคล้ายอวัยวะเพศหญิง ส่วนน้ำเต้ามีลักษณะเหมือนนมผู้หญิง อุปมาอุปมัยก็คือจงระวังเรื่องสตรีให้จงหนัก
และก็ยังความหมายในเชิงลึกไปถึงไม่เสพสมกับเครือญาติกันเอง ส่วนอีกคำอธิบายคือให้พิจารณาเล่ห์เหลี่ยมของคน เพราะมะเฟืองลักษณะผลเป็นเหลี่ยมๆ เป็นข้อเตือนใจว่าอย่าเป็นคนตรงๆให้มีเล่ห์เหลี่ยมซะบ้างหรืออย่าเป็นคนกลอกกลิ้งจนกลมเกลี้ยงนั่นเอง
3.ห้ามลอดใต้ผ้าถุง อันนี้อุปมาอุปมัยคือ อย่าตกอยู่ใต้อำนาจของสตรี หรืออย่าเกาะผู้หญิงกิน อย่าขี้ขลาดต้องให้สตรีปกป้อง ต้องเป็นชายชาตรี เพราะสำหรับบางท่านก็ไม่ถือว่าเป็นของต่ำ เช่นบางคนก็เอาเศษผ้าถุงของแม่มาพกติดตัวหรือบางคนก็เลี่ยมแขวนคอก็มี ส่วนทางวิชาสายอีสานถือแทนพระคุณมารดาใช้เป็นคายครูก็มี
4.ห้ามลอดห้ามเดินบนสะพานแขวนเดียวหรือสะพานไม้ขาเดียว อุปมาอุปมัยก็คือ อย่าทำอะไรด้วยตัวคนเดียวหรืออย่าแบกสิ่งต่างๆไว้คนเดียว คบหาเพื่อนฝูงไว้บ้างเผื่อวันนึงได้อาศัยพึ่งพากัน และในความเป็นจริงแล้วการไปเดินบนสะพานที่ว่าก็อาจมีปัญหาพังลงหรืออาจจะโดนทับได้
5.ห้ามถ่มน้ำลายลงโถส้วม อุปมาอุปมัยคือ อย่าทำให้วาจาเป็นดังอาจม ที่สักแต่ว่าพ่นออกจากปากแต่ไม่ยึดถือปฎิบัติ นั่นคือให้ถือสัจจะ และพูดแต่สิ่งดีๆนั่นเอง โดยปรกติมักจะมากับไม่ด่าพ่อแม่ครูบาอาจารย์ทั้งของตนเองและผู้อื่น แน่นอนว่าคนที่กระทำอย่างที่ว่าใครๆก็ไม่นิยมชมชอบ
6.ถ่ายหนักถ่ายเบาห้ามพูด อันนี้คือในขณะที่คนเราทำการปลดทุกข์จะไม่มีการป้องกันใดๆ บางทีคนจะเล่นงานก็อาศัยช่วงทีเผลอหรือตอนถ่ายหนักถ่ายเบานี่ล่ะ การไม่พูดไม่ส่งเสียงก็คือไม่ให้ใครรู้ว่าขณะนี้เราอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถป้องกันตนเองได้
อันนี้คือตัวอย่างคร่าวๆ ยังมีข้อห้ามอีกมากมายแต่หากพิจารณากันให้ดีก็ล้วนแต่เป็๋นการอุปมาอุปมัยและเป็นการสั่งสอนศิษยานุศิษย์ของโบราณจารย์ท่านในตัว นัยว่าถ้าสอนไม่ฟังของดีทั้งหลายที่มีอยู่จะเสื่อมลงไป คนทั้งหลายจึงได้เกรงกลัวมากกว่าการสอนแบบปากเปล่านั่นเอง ยังมีข้อห้ามแปลกและพิศดารอีกมากมาย บางข้อมีไปถึงห้ามข้ามคลองห้ามีขับถ่ายในน้ำ 3 ปีก็มี
ส่วนที่มีบางคนสงสัยว่าถ้าเกิดว่าทำแล้วจะเสื่อมหรือไม่ อันนี้ก็อยู่ที่ข้อห้ามของแต่ละสำนักจะกำหนดแต่โดยปรกติจะมีผลเฉพาะคนที่ลงวิชาสักอักขระเลขยันต์ต่างๆไปกับตัว ส่วนคนที่เพียงใช้เครื่องรางของขลัง อันนี้ไม่ต้องกังวลมากครับ เพราะหากกระทำต่างที่เป็นข้อห้ามเหล่านี้โดยปรกติของจะเสื่อมไปจนกว่าตะวันจะขึ้นใหม่ อิทธิคุณต่างๆของเครื่องรางของขลังก็จะกลับมาอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้กระทำผิดข้อห้ามกันแบบสบายใจ ทำผิดกันทุกวันนะครับเพราะแบบนั้นก็เรียกว่าแขวนอย่างเดียวไม่สนใจและไม่เคารพแรงครูแรงคาถาต่างๆ หากจงใจกระทำบ่อยๆคำว่าเสื่อมก็อาจจะมาถึงในเวลาไม่นานครับ โดยรวมข้อห้ามต่างๆก็เป็นคำสอนมากกว่าที่จะให้ไปยึดถือปฎิบัติแบบเป็นเส้นตรง เช่นสมัยนี้เรื่องกินฟักแฟง บวบน้ำเต้า จะไม่ค่อยมีคนถือกันเท่าไหร่แล้ว ก็เป็นไปตามยุคสมัยครับ ที่ทำไมคนสมัยก่อนถึงได้ขลังจริงเหนียวจริง นั่นก็เพราะเขาถือกันจริงๆจังๆนั่นเองครับ  ก็คงพอจะทำให้หลายๆคนได้พอหายสงสัยกันมาบ้างเกี่ยวกับข้อห้ามข้อปฎิบัติต่างๆ ส่วนของสำนักนี้ข้อห้ามมีแค่ ไม่ถ่มน้ำลายลงโถส้ม ไม่ด่าพ่อแม่ครูบาอาจารย์ทั้งของตนเองและผู้อื่น เพียงเท่านี้ครับผมสำหรับคนที่มาลงพืธีกรรมต่างๆ
                                                                           

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิชาธรรมบรรลุ

วิชาธรรมบรรลุ การเรียนธรรมบรรลุ หนึ่งในวิชาโบราณอันลึกลับแห่งสายอีสาน ยากที่จะหาคำอธิบายที่สุดวิชานึง  หากจะกล่าวถึงต้นสายที่แท้จริงผู้เขียนเองก็จนปัญญาเนื่องจากไม่มีการบันทึกว่าเริ่มต้นแต่เมื่อใดสมัยใด แต่ปัจจุบันมีการแตกสายไปหลายทาง เช่นวิชาธรรมเก้าโกฎิ วิชาธรรมห้องพระไตร  วิชาธรรมฤาษี วิชาธรรมบรรดาล ในที่นี้จะกล่างถึงแค่สายของตัวผู้เขียน ซึ่งต้นสายใหญ่ แตกแขนงออกมาจาก  คุณพ่อใหญ่ธรรมฝั้น บ้านนาดอกไม้ และสายวิชาธรรมเก้าโกฐิ สายตักศิลานคร รายละเอียดแต่ละสายจะต่างกันในบางเรื่องเช่น เรื่องห้องเรื่องขันแต่สุดท้ายทุกๆสาย จะมีจุดมุ่งหมายไปทางเดียวกันการเข้ารับพลังของดวงแก้วดวงธรรมฝึกจิตขัดเกลาใจเช่นเดียวกัน วิชาธรรมบรรลุมีความแปลกพิศดารตรงที่แต่ล่ะคนจะได้คาถาบทเดียวกันแต่เมื่อผ่านการยัดธรรมขึ้นขันธรรมแล้ว  จะสวดภาษาต่างๆโดยที่ตัวผู้สวดเองก็ไม่รู้ตัว บางคนก็เป็นภาษากูโบส บางคนก็ภาษา เขมร พม่า จีน อินเดีย ตามแต่ที่ดวงพระธรรมท่านจะโปรด  ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่การฝึกของผู้ร่ำเรียนเอง บางคนก็ได้หลายภาษาก็อยู่ที่ผลการปฎิบัติมาแต่ตั้งเดิมมาแต่สัญญาก่อน  การเรี...

พระสุรัสวดี เทวีแห่งพระเวทย์และความรู้

พระแม่สุรัสวดี เป็นที่ที่นับถือกันอย่างสูงในนิกายศักติ นิกายนี้ถือเอาเทวีเป็นหลักมานับถือบูชา มีความเชื่อว่าพลังอำนาจแบ่งออกเป็นสองฝ่ายคืออำนาจแห่งบุรษเทพ และอำนาจแห่งสตรีเทพ เทวีสูงสุดทั้ง 3 ของนิกายศักติ จึงเป็นชายาของมหาเทพทั้ง 3 พระศิวะ พระนารายณ์และพรพรหม แต่โดยหลักจะนับพระแม่อุมา ชายาของพระศิวะเป็นหลักตามแนวทางของไศวนิกาย ในบทความนี้จะขอกล่าวถึงแต่เพียง พระสุรีสวดีเพียงพระองค์เดียว พระองค์จะถูกวาดสื่ออกมาในรูปแบบ สตรีผู้มีความสุขุม เยือกเย็น มองแล้วชวนให้สงบ มากกว่ามองแล้วจะรู้สึกถึงความมีอำนาจ และความงดงามแบบพระลักษมี ตามตำนานเล่าว่า พระแม่ทรงเป็นต้นกำเนิดแห่งคัมภีร์พระเวทย์ ซึ่งมีการก่อนศาสนาพราหมณ์ที่ยึดเอาคัมภีร์พระเวทย์เป็นหลัก อีกทั้งยังเป็นต้นกำเนิดแห่งอักษร และประดิษฐ์วีณาขึ้นมา จึงได้ถือเอาพระแม่เป็นทั้งเทวีแห่งสรรพความรู้ เวทย์มนต์คาถา ศิลปการแสดงและดนตรี ดังที่ในบ้านเราจะมีการมอบรางวัล พระสุรัสวดีแก่นักแสดงดีเด่นในแต่ละปี ในรูปที่สื่อออกแทนองค์พระแม่ มักจะอยู่ในรูปแบบเทวี 4 กร ในมือจะถือวีณา สร้อยลูกประคำ มีความหมายถึงการภาวนาและการชำระจิต คัมภีร์หรือหนังสือ...

หมอธรรมคือ?

   หมอธรรม คืออะไร  คำว่า หมอ แปลความหมายก็คือ ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ เช่นหมอลำ ก็คือผู้เชี่ยวชาญด้านการลำ หมอแคน ก็คือผู้เชี่ยวชาญด้านการเป่าแคน หมอทำขวัญนาค ก็ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำขวัญนาค และอีกหลายหมอก็ตามแต่ว่าหมอไหนจะเชี่ยวชาญเรื่องใดๆ คำว่าหมออกความหมายก็คือผู้รักษา ดังนั้นหากแปลตามตัว หมอธรรมก็คือ ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับธรรมและรักษาด้วยธรรมนั่นเอง   หากแต่วิชาที่หมอธรรมร่ำเรียน มิได้เป็นแค่การรักษาด้วยว่านยา และถ่ายทอดธรรมคำสอนศาสนาเพียงอย่างเดียว หมอธรรมผู้ที่จะเป็นต้องศึกษาเกี่ยวกับวิชาคาถาอาคม ไสยศาสตร์ให้แตกฉาน เพราะหน้าที่ของหมอธรรม มีมากมาย ทั้งเป็นผู้ช่วยพระ ปราบผี ปราบปอบ รดน้ำมนต์ถอนของต่างๆ นั่นก็เพราะแต่โบราณ ความเชื่อเรื่องคาถาอาคม คนเล่นของเรียนวิชามากมายกว่าสมัยนี้ บางครั้งก็ผีป่า ผีเข้าเจ้าสิงนั้นมีมากมาย เพราะแต่เดิมการนับถือผีเป็นที่แพร่หลาย ก่อนที่จะมีการรับศาสนาพุทธจะเข้ามาเป็นหลักในภายหลัง   วิชาที่หมอธรรมร่ำเรียน นอกจากคาถาอาคม-เวทย์มนต์ ก็ยังมีวิชาเฉพาะของหมอธรรม ที่เรียกกันว่า วิชาธรรม ที่ปัจจุบันแตกแขนงออกไปหลายอย่าง เช่น ธรร...